หลังจากเราได้กล่าวถึงยอดดีลที่เกิดขึ้นในช่วงตลาดเดือนมกราคมกันไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึง ความล้มเหลวของหลากหลายดีลที่เกิดขึ้น ในตลาดเดือนมกราคม กันบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องเป็น นักเตะ ราคาแพงเสมอไป หลายดีลมาพร้อมความคาดหวังที่สูง แต่กลับจบลงด้วยความผิดหวัง ว่าแล้วไปดูกันเลยว่ามี ดีลไหนแทบไม่มีใครอยากจำกันบ้าง
เฟร์นานโด ตอร์เรส (เชลซี)
50 ล้านปอนด์ที่เชลซี จ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคม 2011 ถูกตัดสินว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่อีกครั้ง และเป็นการยืนยันว่า “นักเตะบางคน อาจไม่ได้เหมาะกับทุกสโมสร” ตอร์เรส ย้ายมาด้วยความหวังสูงสุดที่คุณจะหวังได้กับ นักเตะดีกรีแชมป์โลก และแชมป์ยุโรป พ่วงท้ายด้วยผลงานระดับพระกาฬสมัยลงเล่นกับ ลิเวอร์พูล น่าจะเป็นการซื้อที่ถูกตัว แต่แล้วก็กลายเป็นตรงกันข้าม เพราะครึ่งฤดูกาลที่เหลือหลังการย้ายทีม เขาทำได้แค่ประตูตัวเดียว แถมในทุกฤดูกาลที่ลงเล่นกับ เชลซี เขายิงในเกมพรีเมียร์ ลีกได้ไม่ถึง 10 ประตูต่อฤดูกาลสักครั้งเดียว พร้อมกับจบการเล่นกับเชลซีด้วยการทำไปเพียง 45 ประตูเท่านั้น และต้องบอกว่า นับจากออกจาก ลิเวอร์พูล เขาไม่เคยโชว์ฟอร์มสุดยอดได้อีกเลย จนกระทั่งเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2019 กับสโมสร ซากัน โทสุ สโมสรในประเทศญี่ปุ่น
แอนดี้ แคร์โรลล์ (ลิเวอร์พูล)
ต่อเนื่องจากการย้ายทีมของ ตอร์เรส สู่เชลซี ลิเวอร์พูล เดินหน้าหากองหน้าคนใหม่มาร่วมงาน และพวกเขาเลือก “บิ๊กแอนดี้” มาร่วมงานด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ จาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดย “สาลิกาดง” ตั้งราคาแบบไม่อยากขาย แต่เมื่อ “หงส์แดง” พร้อมจ่าย พวกเขาก็พร้อมขายอย่างเต็มใจ โดย ลิเวอร์พูล ซื้อเขามาพร้อมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ราคารวมทั้งหมด 57 ล้านปอนด์ ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ซัวเรซ สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ในขณะที่ แคร์โรลล์ กลับเต็มไปด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยครั้ง จนทำให้ตัวเขาไม่สามารถอยู่ในฟอร์มที่ดีได้เลย ตลอดสามฤดูกาลกับทีม จนสุดท้าย ลิเวอร์พูลก็ตัดสินใจปล่อยยืมตัวไปให้ เวสต์แฮม และขายแบบขาดทุนยับเยิน ด้วยค่าตัวเพียง 15 ล้านปอนด์ ปัจจุบัน แคร์โรลล์ กลับไปเล่น นิวคาสเซิ่ล อีกครั้ง และเป็นสัญญาในแบบ “จ่ายเมื่อได้ลงเล่น” เพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ ที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตการเป็น นักเตะ ของเขานั่นเอง
อเล็กซิส ซานเชส (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
“นักเปียโนในตำนาน” ที่กลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในการซื้อขายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2018 ที่ซึ่ง อเล็กซิส กำลังจะหมดสัญญากับ อาร์เซนอล และเลือกจะรับฟังข้อเสนอจากสโมสรอื่น แรกเริ่มเดิมที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเต็งหนึ่งจะได้ตัวเขาไปร่วมงานด้วยแต่การเจรจากลับไม่เป็นไปตามที่หวัง ในขณะที่เวลากำลังจะหมดลง อาร์เซนอล ก็ได้แต่ทำใจจะเสียนักเตะคนนี้ไปแบบไม่มีค่าตัว แต่แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เข้ามาช่วงท้ายตลาดการซื้อขาย พร้อมกับเสนอดีล “แลกตัว” เฮนริค มคิทาร์ยาน กองกลางทีมชาติอาร์เมเนีย สลับตัวกันแบบไม่มีค่าตัว โดยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสนอค่าเหนื่อยให้กับ อเล็กซิส สูงถึง 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ สูงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยจ่ายให้ นักเตะ สักคนหนึ่ง พร้อมเสื้อหมายเลข 7 กับคลิปเปิดตัว ดีดเปียโน ที่ต่อมากลายเป็นมีม ล้อเลียน ความล้มเหลวของ อเล็กซิส ที่ซึ่งไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้เลย โดยหนึ่งฤดูกาลครึ่งกับทีม (บวกอีกหนึ่งฤดูกาลที่ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวไปใช้งาน และช่วยจ่ายค่าแรงบางส่วน) ปีศาจแดงใช้งานเขาไปเพียง 45 เกม เท่านั้น ทำไปทั้งหมด 5 ประตู กับ 9 แอตซิสต์ ก่อนตัดสินใจปล่อยฟรีไปแบบไม่มีค่าตัว ให้กับ อินเตอร์ มิลาน ในฤดูกาลนี้ สิ้นสุดความล้มเหลวครั้งใหญ่ไว้เพียงเท่านี้
เดนิส ซัวเรซ (อาร์เซนอล)
หนึ่งดีล “ยืมตัว” ที่ล้มเหลวในระยะหลังของ อาร์เซนอล ที่หากในปี 2014 ใครยังจดจำ คิม คัลล์สตรอม คือความล้มเหลวแล้ว ชื่อของ เดนิส ซัวเรซ ก็ไม่พลาดติดในลิสต์นี้อย่างแน่นอน ในเดือนมกราคม 2019 ที่ อูไน อเมรี่ อยากได้ตัวเขามาเสริมแดนกลาง ที่สามารถเล่นตัวริมเส้นด้านขวาได้ด้วย และพวกเขาก็สมหวังในวันเปิดตัวที่แฟนบอลปืนใหญ่คาดหวังเอาไว้มาก เพราะ ฟอร์มสมัยกับ บียาร์เรอัล ก็ไม่ธรรมดา แม้จะมานั่งสำรองที่ บาร์เซโลน่า ก็ตาม แต่แล้วทุกอย่างก็พังพินาศ เพราะ ซัวเรซ ลงเล่นไปเพียง 6 เกม ตลอด 6 เดือนที่อยู่กับทีม ที่เหลือคือปัญหาอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ ที่ตามรังควานเขาไม่เลิกไม่รา ก่อนที่ ซัวเรซ จะเปิดเผยภายหลังว่า เขาไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ย้ายทีมมาแล้ว และนั่นคือสาเหตุในความล้มเหลวของเขากับปืนใหญ่ ที่แฟนบอลยกให้เป็น ดีลล้มเหลวอีกดีลหนึ่งของสโมสรกันเลย
เจมส์ บีทตี้ (เอฟเวอร์ตัน)
อาจเป็นดีลที่หลายคนจดจำไม่ได้มากนัก แต่สำหรับสาวก เอฟเวอร์ตัน ทีมที่ก่อนหน้านี้พวกเขา ไม่ใช่ทีมเงินถุงเงินถัง และการเสริมทีมด้วยเงินระดับ 6 ล้านปอนด์ ในปี 2005 สำหรับพวกเขา นี่คือความคาดหวังที่จะได้ ดาวยิงมาการันตี จำนวนประตูให้กับทีม และ เดวิด มอยส์ นายใหญ่ของทีม ณ.เวลานั้น เลือก เจมส์ บีทตี้ กองหน้าร่างใหญ่ ดาวยิงฟอร์มแรง ดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่ฟอร์มสวยมาต่อเนื่อง 2-3 ฤดูกาลติดกัน กับ เซาธ์แธมป์ตัน แถมดีลนี้ มอยส์ เดินหน้าเจรจาด้วยตนเอง ก่อนการย้ายทีมจะเกิดขึ้น แต่แล้วตลอดสามฤดูกาลของ บีทตี้ ทำไปทั้งหมด 14 ประตู ในพรีเมียร์ ลีก เท่ากับ ฤดูกาลสุดท้ายของ บีทตี้ ที่ลงเล่นกับ เซาธ์แธมป์ตัน ทั้งฤดูกาล เรียกว่าล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบอีกหนึ่งดีล หลังจากนั้น บีทตี้ ก็ย้ายออกไปร่วมงานกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และก็ย้ายไปอีก 4 สโมสร จนกระทั่งเลิกเล่นในปี 2014