เรื่องของการเข้าบอลหนัก – อารมณ์ร้อน และมีปัญหากับผู้ตัดสินอยู่เสมอ เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูก “เพ่งเล็ง” มาโดยตลอดหลายครั้งจบลงด้วยการโดนลงโทษ โดยเขาโดนไล่ออกมาแล้วถึง 4 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในปี 2016 แต่เขาก็ยังคงยืนยันว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงการเล่น และการเข้าปะทะเป็นสิ่งหนึ่งของเกมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ผมไม่ต้องการไปโต้เถียงอะไรกับคนอื่นที่มาพูดเรื่องโง่ ๆ เกี่ยวกับตัวผม ผมพยายามไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงมากจนเกินไป”
“ครั้งหนึ่งผมเคยได้ใบแดง และกรรมการมาบอกกับเพื่อนร่วมทีมผมคนหนึ่งว่า “คุณรู้ไหมกรานิทเป็นอย่างไร เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เลย” มันไม่ใช่แบบนั้นเลย จริงอยู่ เพราะผมเคยเป็นแบบนั้นในเกมกับ เบิร์นลีย์ มาก่อน แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมเป็นแบบนั้นในทุกเกมการแข่งขัน การที่ “หมายหัว” ผมแบบนั้นมันคือความเชื่อที่ผิด
6 เดือนต่อมาหลังการคุยกับ มิเคล อาร์เตต้า เรื่องอนาคตของตนเอง…
ชาก้า ไม่ได้คุยกับอาร์เตต้าในเรื่องนี้อีก เช่นเดียวกับที่เขาไม่ได้มีความคิดย้ายออกจากทีมไปไหน ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปตามเส้นทางของมัน ทั้งเรื่องที่ดี เรื่องที่ร้าย เรื่องไม่มีใครอยากจดจำ แต่ก็ไม่เคยลืมมันไป
“ผมไม่ได้เป็นกัปตันทีมอาร์เซนอลอีกแล้ว ผมสามารถบอกได้แค่ว่า ผมจะทำเหมือนผมเป็นกัปตันเช่นเดิม แม้จะไม่มีปลอกแขนอีกแล้ว ผมได้รับความเคารพจากเหล่าเพื่อนร่วมทีม ทีมงาน และผมขอบคุณในเรื่องนี้ ผมจะช่วยเหลือนักเตะดาวรุ่ง และรับผิดชอบกับงานและผลงานของทีมเราต่อไป”
“การตัดสินใจเล่นกับอาร์เซนอลต่อไปสำหรับผม ผมมั่นใจมันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง ผมยังคงอยู่ที่นี่ และความสัมพันธ์ของผมกับแฟนบอลมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ผมไม่เคยลืมมันได้หรอก เรื่องที่เกิดขึ้นยังอยู่ในหัวใจของผมเสมอ”
“มันเหมือนแก้วแตกแล้ว คุณรู้ไหม คุณสามารถต่อมันใหม่ได้ แต่มันก็จะเหลือร่องรอย ผมอยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างผม และแฟนบอลอาร์เซนอล ดีขึ้นกว่าเดิม ผมอยากให้เราเข้าใจกันมากกว่าเดิม ผมเข้าใจว่าเราคงไม่อาจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันได้หรอก แต่ผมหวังว่าผมจะเราปฏิบัติต่อกันอย่างซื่อสัตย์ และให้ความเคารพกัน ผมต้องการให้พวกเขาได้รู้ว่าผมทำอะไรบ้างในสนามซ้อม”
“ผมทราบดีว่าการเป็นนักเตะฟุตบอลอาชีพ เราได้รับสิทธิพิเศษ แต่การใช้ชีวิตของเราก็ยากถึงอยากมาก คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเราเจอกับปัญหาอะไรมาบ้าง เพราะเราไม่เคยบอกพวกคุณ เราไม่เคยทำอะไรด้วยกัน คุณเห็นเราตลอด 90 นาที วิ่งลงไปเล่นในสนาม หลังจากนั้นก็โบกมือลากันเมื่อเกมจบ ผมว่ามันไม่ถูกต้องนัก ผู้คนอาจจะบอกว่า มันคืองานของเรา เราได้เงินมากมายจาการทำงานนี้ ใช่ผมเข้าใจ แต่ถ้าคนในครอบครัวตาย คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าภรรยาคุณมีลูก และพรุ่งนี้คุณต้องไปลงเล่นรอบชิงชนะเลิศที่ บาคุ ประเทศอาเซอร์ไบจาน มันง่ายเหรอในการรับมือกับมัน สำหรับผมมันไม่ง่ายเลย ใช่! เงินมันสำคัญ แต่มันไม่ใช่ทุกอย่าง”
“เราอยู่ในสถานการณ์ที่โดนวิจารณ์เสมอ ผมคิดว่านักเตะจำนวนมากในอังกฤษเจอกับเรื่องนี้ และกลัวจะเจอกับมัน ผมสามารถรับมือกับมันได้ ถ้าวันหนึ่งผมไม่ไหวผมก็หยุด แต่ผมยืนยันได้ว่ามันง่ายกว่ามากสำหรับผมในการกลับไปเล่นในสวิสเซอร์แลนด์ เพราะผมรู้สึกว่าตนเองได้รับความรักมากมายที่นั่น คุณเล่นพลาด โอเค มันเกิดขึ้นได้ แต่กับที่นี่ ถ้ามันพลาด พวกเขาขู่ฆ่าคุณ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลย”
“สัปดาห์หนึ่งคุณคือนักเตะที่ยอดเยี่ยม สัปดาห์ต่อมาคุณคือขี้ก้อนหนึ่ง”
ดังนั้นนักเตะทุกคนไม่มีใครอยากจะผิดพลาดหรอกพวกเขาก็อยากให้ปลอดภัยที่สุด
“ตอนเราแพ้ ผมรู้ว่าผู้คนพูดถึงเกี่ยวกับตัวผมอย่างไรบ้าง แต่ถ้าเกิดทีมเราชนะ จะไม่มีอะไรถูกพูดถึง แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าผู้คนคิดอะไร ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผมเคยได้ยิน “เขาได้รับใบเหลือง–แดงมากเกินไป เขาฆ่าเกมของเรา” นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินมา การโดนลงโทษใบเหลือง ใบแดง เป็นส่วนหนึ่งในเกมของผม ตั้งแต่ลงเล่นในเยอรมันแล้ว ทุกครั้งที่จังหวะเข้าปะทะ 50-50 ผมก็พร้อมชน มันเป็นเหมือนกันในทุกการซ้อม ถ้าผมพลาดไปศอกโดนใครคนอื่น ผมจะบอกอย่างแรกเลยว่า ผมขอโทษ แต่ถ้าเป็นจังหวะแทคเกิ้ล…ไม่เอาน่า นี่มันไม่ใช่เต้นบัลเล่ต์”
กรานิท ชาก้า ถึงเหล่าผู้เกลียดชังในตัวเขา
กรานิท ชาก้า ลงเล่นกับ อาร์เซนอล เข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว และเขามีสัญญาถึงทีมถึงกลางปี 2024 และเขายังคงลงเล่นต่อไป
“ทำไมผมถึงยังคงได้ลงเล่น ผมได้ลงเล่นเพราะผมเป็นคนดีหรือ ไม่ใช่เลยผมได้ลงเล่นเพราะผมทำงานหนัก ซ็อมหนัก และพยายามช่วยเหลือทุกคนในทีม ผมทำแบบนั้นเพราะผมเชื่อในแนวทางการเล่นที่เราซ้อมกันมา”
“ผมคิดว่ามีหลายคนที่ไม่ได้ดูเกมการแข่งขัน ก่อนที่จะวิจารณ์เราด้วยซ้ำ มันเคยมีเกมหนึ่งเราลงเล่นในบ้านของเรา ผมบาดเจ็บในเกมนั้นทำให้ขึ้นมาดูบนสแตนด์ ผมยังคงได้ข้อความมาทำนองว่า “มึงแม่งเล่นโคตรห่วยเลยวันนี้””
“ผมอยากบอกถึงเหล่าคนที่เกลียดชัง (Haters) ว่า คุณจะพูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับตัวผม แต่อย่ามายุ่งกับครอบครัวผม เข้าใจไหม! ภรรยา, ลูก, พี่น้อง หรือว่าพ่อแม่ผม ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าคุณต้องการมาด่า หรือวิจารณ์ใคร ได้โปรดมาที่คนในสนาม อย่างที่ผมบอกไป ถ้าวันไหนเกมชนะทุกอย่างเงียบ แต่ถ้าเราแพ้เสียงวิจารณ์ด่าก็จะกลับมานี่คือสิ่งที่ฟุตบอลเป็น ผมจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังคีย์บอร์ด ไม่มีวัน”
“มันตลกเหมือนกันนะในชีวิตจริง ไม่มีใครมาพูดกับผมแบบต่หน้าเลยว่า ผมแม่งห่วยแตก ไม่มีมีใครมาพูดกับผมทั้งนั้น ส่วนมากผมจะเจอหลายคนมาพูดกับผม ชื่นชมในตัวผม หลายคนพูดแบบนั้นจริง แต่หลายคนไปอยู่ในโลกออนไลน์ และก็ตามด่าผม “เอาแม่งออกไปจากสโมสรซะ” ดังนั้นครั้งต่อไป มาบอกต่อหน้าผมเลย “กรานิท วันนี้มึงโคตรห่วยเลย” ไม่มีปัญหา ผมจะไม่ทำเรื่องแย่ ๆ ใส่แน่นอน ผมจะเคารพในความเห็นที่ตรงไปตรงมา แต่ผมจะไม่เสียเวลากับคำโกหก”
“ผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แม้ผมจะเป็นคนดังมีชื่อเสียง ผมก็คือคนหนึ่งคน ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนอื่น ผมไม่เคยต้องมาสั่งอาหารมากินที่บ้านทุกมื้อ เดินออกนอกบ้านต้องมีการ์ดมาคุมเป็นสิบคนมาดูแลผม แม้ผมจะเป็นที่รู้จักของใครก็ตาม ผมก็คือคนหนึ่งคน ถ้าอยากไปร้านอาหารทานข้าวนอกบ้าน ผมก็จะทำแบบคนทั่วไปทำกัน แต่อาจจะไม่ใช่ทุกอย่าง เช่นถ้าวันหนึ่งลูก ๆ ผมอยากกินแฮมเบอร์เกอร์ที่ร้าน แมคโดนัลด์ ผมไปไม่ได้ เพราะบางคนอาจถ่ายคลิปของผมลงในอินสตาแกรม และวันต่อมาผมจะกลายเป็นข่าว ที่ผมจะกังวัลเกี่ยวกับสิ่งที่จะถูกพูดถึง เพราะมันจะกลายเป็นผมผิดเสมอ แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”
“แน่นอนตลอด 90 นาที ผมคือกรานิท ชาก้า กองกลางอาร์เซนอล แต่นอกสนาม และช่วงเวลาที่เหลือ ผมคือผู้ชายชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน พร้อมกับภรรยา และลูกทั้งสองคนของผม”
“ผมมีความสุขและยินดีที่ตนเองเป็นนักเตะอาชีพ แต่นอกสนามผมยืนยันได้ว่าผมเคยมีชีวิตส่วนตัวที่ดีกว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่”
“ผมคือกรานิท และผมก็คือผม”
“ผมรักสโมสรแห่งนี้ เชื่อมั่นในมิเคลที่กำลังสร้างทีมที่ยอดเยี่ยม และผมต้องการประสบความสำเร็จบางอย่างที่พิเศษสุดที่อาร์เซนอล”
จบเรื่องราวเพียงเท่านี้
Copyright © 2019 UFA6556 แทงบอลออนไลน์ มั่นคง ปลอดภัย อันดับหนึ่งเมืองไทย | All right reserved.