ดิแอตเลติก สื่อในประเทศอังกฤษได้มีโอกาสสัมภาณ์ ราอูล ซาเนฮี ผู้บริหารชาวสเปน ซึ่งเคยเป็นอดีตหัวหน้าทีมบริหารด้านฟุตบอล (Head of Football Operations) ของอาร์เซนอลมาก่อนหน้านี้ มาพูดถึงเกี่ยวกับช่วงเวลาของเขาที่นั่น และเรื่องของการอำลาทีมอย่างกะทันหันที่ถูกใช้คำว่าปลดออกตำแหน่งในช่วงปี 2020
มาวันนี้เขากลับมาสู่วงการฟุตบอลอีกครั้งในช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมาในฐานะของ ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร เรอัล ซาราโกซ่า สโมสรที่ตอนนี้อยู่ใน เซกุนด้า ดิวิชั่น หรือที่เรียกว่า ลีกาสองของสเปน ซึ่งที่นั่นมาพร้อมกับแผนงานใหม่ที่สโมสรเลือกเขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญของทีม ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้าง “รอ” การสัมภาษณ์จากเขานานพอสมควร เพราะประเด็นการโดนปลดของเขาค่อนข้างไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอาร์เซนอล กับการ “ประกาศเช้า ออกบ่าย” ของคนในองค์กรเช่นนี้
หมายเหตุ: บทความต่อจากบรรทัดนี้ ข้อมูลสัมภาษณ์ของ ซาเนฮี จะมาจาก ดิ แอตเลติก ที่เหลือจะเป็นการข้อมูลที่หาเพิ่มเติมจากข่าวในช่วงเวลานั้น รวมถึงจากความทรงจำของผู้เขียนบทความนี้ โดยจะเขียนตามไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2018-2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงมากมายในทีมอาร์เซนอล
แรกเริ่มเดิมทีในปี 2018 ราอูล ซาเนฮี ตัดสินใจอำลาบาร์เซโลน่าในช่วงกลางเดือนมกราคม หลังจากที่รับใช้บาร์ซ่ามานานถึง 15 ปี เขาเป็นหนึ่งผู้บริหารใหญ่คนหนึ่ง ณ เวลานั้น ที่ไต่เต้ามาจากการเป็นทีมการตลาดของสโมสรคนหนึ่งมาสู่ระดับจัดการองค์กร และเป็นหนึ่งในคนที่เดินเรื่องทั้งดีลขาเข้า และขาออก ของ เนย์มาร์ จูเนียร์ ที่ทุกวันนี้ดีลมูลค่า 222 ล้านยูโรจากบาร์ซ่า สู่ เปแอสเช ยังคงเป็นตัวเลขที่แพงที่สุดในโลกฟุตบอลกับการย้ายทีมของนักเตะหนึ่งคน ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 2017-2018 หรือเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว
ซาเนฮี ตัดสินใจรับข้อเสนอจากอาร์เซนอล ที่ ณ เวลานั้น อิวาน กาซิดิส ผู้บริหารชาวแอฟริกาใต้เชื้อสายกรีก กำลังเข้าสู่ปีที่ 9 ของการทำงานที่อาร์เซนอลในฐานะของผู้อำนวยการบริหารของสโมสร เป็นคนเลือกเขามาร่วมงานด้วย ซึ่งไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น อาร์เซนอล เพิ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลโครเอนเก้ จากการซื้อหุ้นประมาณ 30 % จาก อลิเชร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ผู้ซึ่งถือหุ้นใหญ่อันดับสองของทีมมาเป็นของตนด้วยจำนวนเงินประมาณ 550 ล้านปอนด์ สแตน โครเอนเก้ ถือหุ้นจำนวน 93.6 % ยิ่งใหญ่คับอาณาจักรอาร์เซนอล ซึ่งเป็นธุรกิจกีฬาเดียวของเขาที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนอุสมานอฟ ไปเข้าร่วมกับ ฟาฮัด โมชิริ ที่เอฟเวอร์ตัน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่งผลให้อุสมานอฟ โดนคว่ำบาตรในฐานะที่ถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางการเงินที่จะส่งให้กับรัสเซียในการก่อสงคราม ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงไม่จบสิ้นกับเรื่องนี้
ย้อนกลับมาที่ ซาเนฮี กันอีกครั้ง กุมภาพันธ์ 2018 อาร์เซนอล ปิดดีลการซื้อขายนักเตะในเดือนมกราคม 2018 ด้วยการเซ็นสัญญากับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง มาร่วมงานด้วย ผลงานส่วนหนึ่งมาจาก สเวน มิสลินสตัด “แมวมองตาเพชร” ที่ดึงตัวมาร่วมงานจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ในฐานะของหัวหน้าแมวมองคนใหม่ของสโมสร
ในช่วงนั้น ทีมบริหารอาร์เซนอลประกอบไปด้วย
อาร์แซน เวนเกอร์ [ผู้จัดการทีม] – อิวาน กาซิดิส [ผู้อำนวยการบริหาร] – ราอูล ซาเนฮี [ผู้อำนวยการกีฬาฝ่ายต่างประเทศ] และ ฮุสส์ ฟาห์มี่ [ดูแลเรื่องการเงิน-สัญญานักเตะ]
อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ในฐานะของผู้จัดการทีม ตัดสินใจลงจากตำแหน่ง สิ้นสุด 22 ปีของการคุมทีมหลังจบฤดกาลนั้นภายใต้การทำงานในแบบ “ผู้จัดการทีม” ซึ่งทำทุกอย่างแทบจะเบ็ดเสร็จในหนึ่งเดียว และนั่นคือสิ่งที่ โครเอนเก้ ต้องการเปลี่ยนแปลง
“ช่วงที่ผมเข้ามาอาร์เซนอลตัดสินใจแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีม พวกเขาไม่ต้องการทำงานร่วมกับอาร์แซน เวนเกอร์ อีกต่อไป” ซาเนฮี กล่าว
ซาเนฮี ร่วมงานกับ กาซิดิส ในกระบวนการสรรหา “เฮดโค้ช” คนใหม่มารับงานแทน และสุดท้ายพวกเขาเลือก อูไน อเมรี่ มารับงานนี้ในแบบที่ว่า อูไน อเมรี่ ต้องบินไป “สัมภาษณ์รอบสุดท้าย” ที่อเมริกาต่อหน้า สแตน โครเอนเก้ เพื่อแสดงถึงแนวคิด และแผนงานทำทีมโดยตรงต่อเจ้าของเงินก่อนที่สุดท้ายจะได้รับงานนี้
ทุกอย่างก็น่าจะสวยงาม มิถุนายน 2018 อาร์เซนอลในยุคไม่มี อาร์แซน เวนเกอร์ เริ่มต้นขึ้น อูไน อเมรี่ คือ “เฮดโค้ช” คนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่แล้วการเปลี่ยนแปลงก็ยังคงไม่หมดสิ้นที่อาร์เซนอล เมื่ออีกเพียง 3 เดือนต่อมา กาซิดิส ตัดสินใจลาออกจากงานที่อาร์เซนอล เพื่อไปรับงานกับ เอซี มิลาน หลังการเทคโอเวอร์สโมสรรอสโซเนรี่ โดยบริษัท เอลเลียต อินเวสเมนท์ เมเนจเมนต์ [ปัจจุบันขายหุ้นทั้งหมดแล้ว ทีมอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่ม RedBird Capital Partners ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา] เนื่องจากเขามีความสนิทสนมกับบริษัทดังกล่าว และเลือกย้ายไปร่วมงานด้วย และนั่นทำให้สโมสรอาร์เซนอลมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้ง
ราอูล ซาเนฮี จากเดิมรับงานเป็น หัวหน้าฝ่ายของบริหารฟุตบอลต่างประเทศ กลายเป็น หัวหน้าทีมบริหารด้านฟุตบอล และสโมสรเลือก วิไน เวนกาเทสเซม ซึ่งเป็นคนในองค์กรที่ทำงานกับทีมมาตั้งแต่ปี 2010 ในฐานะของงานด้านฝ่ายบริหารมาตลอด ก้าวขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการบริหารแบบเต็มตัว กลายเป็นการทำงานแบบแบ่งอำนาจจาก 1 ให้กลายเป็น 2 ทำงานร่วมกัน และบทบาทของ ราอูล ซาเนฮี ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเต็มตัวในเรื่องของฟุตบอล
ก่อนหน้าการลาออกของกาซิดิสเพียงไม่กี่เดือน อาร์เซนอล ในตลาดการซื้อขายรอบแรกของอูไน อเมรี่ ทีมซื้อขายที่นำโดย ซาเนฮี ได้นักเตะมาทั้งหมด 9 คน ประกอบไปด้วย คาร์ล ไฮนซ์ [นายทวาร], แบนด์ เลโน่ [นายทวาร], โซคราติส [กองหลัง], สเตฟาน ลิกซ์สไตเนอร์ [กองหลัง], โจเอล โลเปซ [กองหลัง] มาร์เซโล ฟลอเรส [กองกลาง], มัตเตโอ เกนดูซี่ [กองกลาง], ลูคัส ตอร์เรียร่า [กองกลาง] และ แซม กรีนวู้ด [กองหน้า] ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้เหลือเพียง คาร์ล ไฮนซ์ ยังอยู่กับทีมในฐานะมือสามของทีม ขณะที่ มาร์เซโล ฟลอเรส ย้ายไปเล่นกับ เรอัล โอเบียโด้ ในแบบยืมตัว ที่เหลือย้ายออกไปหมดแล้ว โดยปีนั้นอาร์เซนอลจบด้วยอันดับ 5 คว้ารองแชมป์ยูโรป้า ลีก และพลาดการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก
“อาร์เซนอล ชัดเจนมากกับเป้าหมายทีมอยากไปแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับทีม เราได้ตัว อูไน อเมรี่ มาทำงานด้วย แต่สุดท้ายเราพลาดแชมเปี้ยนส์ ลีก เราแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก และนั่นคือหายนะของอูไน และทีม อาร์เซนอล ใช้ระบบนายเดียวตัดสินทุกอย่าง [ในบทความต้นทางเรียกว่า One-boss Model ซึ่งเป็นระบบที่สิทธิ์ขาดคืออยู่ที่ผู้จัดการทีม ซึ่งอาร์เซนอลใช้มาตลอดจนถึงยุคของเวนเกอร์] แต่ด้วยความเคารพในเวนเกอร์ เขาทำในสิ่งที่เฉพาะตัวและยอดเยี่ยมมากในช่วงเวลาของเขา แต่เราต้องมีการเปลี่ยนแปลง และนั่นคือสิ่งที่เราเลือกเดิน” ซาเนฮี กล่าว
หลังจบฤดูกาล 2018-2019 ซาเนฮี ในฐานะที่ได้รับตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิมมองถึงโครงสร้างขององค์กรฟุตบอลในแบบฉบับฟุตบอลยุโรป ทีมต้องมีความชัดเจนในส่วนของในสนาม และนอกสนามที่ทำงานร่วมกับเขา ดังนั้นการเข้ามาของ ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่จึงเกิดขึ้น
โปรดติดตามตอนต่อไป