จากปัญหาการที่ นักเตะ อเมริกาใต้ หรือนักเตะ ที่ไม่ได้เกิด หรือมีสัญชาติในทวีปยุโรป และไม่ได้ลงเล่นทีมชาติให้กับชาติของตนเองมากพอ จะไม่ได้รับใบอนุญาตการทำงานที่เรียกกันว่า เวิร์ค เพอร์มิต อันกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่ ทำให้สโมสรในพรีเมียร์ ลีก พลาดนักเตะ ดาวรุ่งความสามารถสูงมาเล่นให้กับทีมหลายต่อหลายคน การเข้ามาของกฎ Governing Body Endorsement (GBE) จะทำให้สถานการณ์เหล่านี้เปลี่ยนไป
จากเดิมที่เน้นในเรื่องของการลงเล่นเกมทีมชาติ และเรื่องของค่าตัว นักเตะ เป็นหลัก แต่ด้วยกฎใหม่นี้ จะทำให้ การซื้อขาย นักเตะ นอกอังกฤษ หรือยุโรป จะขึ้นกับประวัติการลงเล่นในระดับสโมสรของนักเตะคนนั้นเป็นสำคัญ
สมัยก่อนการที่ นักเตะ สักคนจากบราซิล หรือว่าในทวีปอเมริกาใต้ จะย้ายมาเล่นในยุโรป เราอาจจะหาข้อมูลได้ยากยิ่งว่า แท้จริงแล้วเขาลงเล่นกับทีมของเก่าจำนวนกี่เกม บางครั้งอาจจะได้ทราบข่าวว่า มีข้อมูลปลอมออกมาก็ไม่ใช่ไม่เคย แต่ทุกวันนี้เรื่องของ “ข้อมูล” กลายเป็นเรื่องสำคัญ และมีอัพเดตกันทั่วโลก ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นข้อมูลที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยมีการระบุว่า บราซิล เซเรีย อา หรือว่า อาร์เจนติน่า พรีเมร่า ดิวิชั่น จะได้รับมาตรฐานเดียวกับลีก รัสเซีย พรีเมียร์ ลีก และจะได้รับการประเมินคุณภาพสูงกว่าลีกจาก ประเทศเช็ก, กรีซ, สวิสเซอร์แลนด์ และ โครเอเชีย
และยิ่ง นักเตะ คนไหนที่อยู่กับสโมสร โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ ซึ่งเป็นฟุตบอลถ้วยรายการใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาใต้ อันมีศักดิ์ศรีเทียบเท่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของยุโรป ก็จะได้รับคะแนนเพิ่มเติมในการนำมาประเมินในการผ่านมาตรฐานของ GBE รวมถึงเรื่องของการติดทีมชาติก็จะถูกนำมาคิดด้วยเช่นกัน
นอกจาก บราซิล และ อาร์เจนติน่าแล้ว ลีกดังอย่าง โคลอมเบีย จะถูกประเมินให้เทียบเท่ากับ เซกุนด้า ลีก (ดิวิชั่นสองของสเปน), บุนเดสลีกา สอง (ลีกรองของ เยอรมัน) ขณะที่สโมสรจาก ประเทศ ชิลี รวมถึง อุรุกวัย ก็จะมีระดับเทียบเท่ากับลีกรองในยุโรปอย่าง นอร์เวย์, เดนมาร์ก รวมถึง โปแลนด์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายนักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ คงจะยังไม่ใช่ตลาดหลักในช่วงเวลานี้ค่อนข้างแน่นอน เพราะหลายสโมสรก็ยังไม่ได้มีการวางรากฐานในเรื่องของ แมวมองเข้าไปในทวีปเหล่านั้น ยกเว้นทีมใหญ่ที่มีฐานแมวมองเยอะมาก อย่างเช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือว่า อาร์เซนอล เป็นต้น โดยเฉพาะทีมปืนใหญ่ ที่เคยมีข่าวว่า นักเตะ จากทวีปอเมริกาใต้ จะเป็นตลาดใหม่ของพวกเขาในการเสริมทีมในช่วงนับจากนี้ ทั้งด้วยศักยภาพ และราคาค่าตัวที่ อาร์เซนอล พร้อมลงทุนแข่งกับหลายสโมสร อย่างเช่น เรอัล มาดริด ที่พวกเขา ดึง นักเตะ บราซิเลี่ยน ไปร่วมงานมาแล้วหลายต่อหลายคน ทั้ง โรดรีโก้ หรือว่า วินิซิอุส จูเนียร์ รวมถึงล่าสุดกับ เรนิเยร์ เป็นต้น
นอกจากนี้การ “Brexit” ของสหราชอาณาจักร ยังคงมีผลกระทบอีกหนึ่งอย่าง ก็คือเรื่องเกี่ยวกับ นักเตะเยาวชนในเรื่องของสัญญา นักเตะ อาชีพ
เอฟเอ, พรีเมียร์ ลีก รวมถึง อีเอฟแอล มีข้อตกลงร่วมกับ รัฐบาลอังกฤษ ในการที่จะกำหนดในเรื่องของ การเซ็นสัญญา นักเตะ อาชีพ ว่าจะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปจึงจะสามารถเซ็นสัญญา นักเตะ อาชีพ ได้ นับตั้งแต่ตลาดรอบ มกราคม 2021 เป็นต้นไป ที่ผ่านมามี นักเตะ หลายคนเคยเซ็นสัญญาอาชีพ ตั้งแต่อายุน้อย อย่างเช่น เชส ฟาเบรกาส และ เฮคตอร์ เบลเลริน ของอาร์เซนอล ซึ่งเซ็นสัญญาตอนอายุเพียง 16 ปี และล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัว สเตฟาน บาเซติค ดาวรุ่งวัย 16 ปี จาก เซลต้า บีโก้ มาร่วมงานด้วย ซึ่งนับจากนี้จะไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกแล้ว
อีกทั้ง สหราชอาณาจักร ยังมีการระบุว่าต่อจากนี้ นักเตะ ดาวรุ่งต่างชาติจะไม่สามารถย้ายมาเล่นได้ก่อนอายุ 18 ปี ทำให้ หลายสโมสรเลือกที่จะหา “ทางอ้อม” ด้วยการผูกพันธมิตร กับสโมสรในยุโรป โดยเฉพาะในลีกรอง อย่างเช่นในเบลเยี่ยม ซึ่งมีสโมสรในพรีเมียร์ ลีก หลายทีมเป็นพันธมิตร อย่างเช่น เลสเตอร์ ซิตี้ กับ โอเอช ลูเวิน ทีมของ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นต้น ไม่รวมถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการมีสโมสรพันธมิตร มากมายหลายประเทศ ที่เรียกกันว่า “ซิตี้ กรุ๊ป” ก็เพื่อจะดึง นักเตะ ดาวรุ่งฝีเท้าดีจากทั่วทุกมุมโลก เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในสายตาของพวกเขา และหากดีพอก็จะดึงเข้ามาร่วมงานในอนาคตนั่นเอง
มกราคม 2021 เดือนแรกของปีใหม่ ในสถานการณ์โลกที่ไม่เหมือนเดิม และมันก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
Copyright © 2019 UFA6556 แทงบอลออนไลน์ มั่นคง ปลอดภัย อันดับหนึ่งเมืองไทย | All right reserved.