ตามดู “แมวดำ”

     ภาพยนตร์สารคดีฟุตบอล Sunderland ‘Til I die ยังไม่รู้จะมี ซีซั่นที่สามหรือไม่ แต่ชีวิตจริงของ สโมสร ซันเดอร์แลนด์ ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป และนี่คือเรื่องราวของ พวกเขาในฤดูกาล 2020-2021 ที่กำลังลงเล่นกันอยู่ เป้าหมายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “เลื่อนชั้น”

     นับจากตกชั้นจากพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2016-2017  ซันเดอร์แลนด์ มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีม ที่ “กำลังจะ” เปลี่ยนมือเป็นครั้งที่สาม นับจากการตกชั้น โดย ซันเดอร์แลนด์ กำลังจะตกอยู่ในมือของ ไคริล หลุยส์-เดรฟรุต ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของ โรแบร์ หลุยส์-เดรฟรุต นักธุรกิจชาวฝรั่งเศส และอดีตเจ้าของสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย์ ที่มีข่าวอยากจะเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ต่อกับ สจ๊วต โดนัลด์ นักธุรกิจชาวอังกฤษ ที่ซื้อทีมมาตั้งแต่ปี 2018 และประกาศว่าพร้อมปล่อยธุรกิจนี้เพื่อให้ คนที่พร้อมเข้ามาทำทีม และพา ซันเดอร์แลนด์ เดินหน้าต่อไปได้ดีกว่าทีเป็นอยู่

     ไคริล อายุเพียง 23 ปี เท่านั้น อ่านไม่ผิดครับ 23 ปี แต่เขา กำลังจะเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ไคริล ย้ายมาที่ ยอร์คเชียร์ และก็มาดูธุรกิจเกี่ยวกับฟุตบอลโดยตรง ผ่านการสนับสนุนของครอบครัว ผู้ซึ่งต้องการให้ลูกชายออกมา เผชิญโลกของธุรกิจ ซึ่งครอบครัว มีธุรกิจหลักภายใต้แบรนด์ “หลุยส์ เดรฟรุต กรุ๊ป ”คือ ธุรกิจการเกษตร, การแปรรูปอาหาร และการขนส่งระหว่างประเทศ เป็นหลัก โดยที่เคยมีโปรไฟล์เกี่ยวกับ ฟุตบอล นั่นคือการเป็นเจ้าของทีม “โอแอม” โดย โรแบร์ พ่อของเขาเคยนั่งเป็นทั้ง เจ้าของสโมสร และประธานสโมสร ก่อนจะเสียชีวิตในปี 2009 ส่วน มาการิต้า แม่ของเขาเป็นเจ้าของสโมสรมาร์กเซย์ จนถึงปี 2016 ก่อนจะขายไปให้กับ แฟรงค์ แมคคอร์ท นักธุรกิจชาวอเมริกัน และปัจจุบัน มีการระบุว่าเธอยังมีหุ้นอยู่เล็กน้อยในทีม มาร์กเซย์ และเธอได้รับการระบุจาก นิตยสาร ฟอร์บส์ ว่าเป็นผู้หญิงรัสเซียที่รวยที่สุดในโลก กับทรัพย์สิน 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

     โดยมีการระบุว่าการที่มีพ่อ และแม่ ทำงานในธุรกิจฟุตบอลมาในช่วงที่เขายังเด็ก ทำให้เขาสนใจในการทำงานด้านนี้ รวมถึงการที่ แวงซองต์ ลาบรุน อดีตประธานสโมสรมาร์กเซย์ ที่รักเขาเหมือนลูก ก็ให้เขาได้เห็นการทำงานองค์กรฟุตบอล ไปจนถึงได้เห็นขั้นตอนการเจรจาการซื้อขายหลายครั้งของ โอแอม ยิ่งทำให้ ไคริล อยากบริหารงานด้านนี้มากกว่าเดิม  

     “ผมมีความมุ่งมั่น และเข้าใจถึงความพยายามของเจ้าของสโมสรซันเดอร์แลนด์ ในการที่จะนำพาทีมไปข้างหน้า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม เรากำลังรอให้เกิดการอนุมัติจากทาง อีเอฟแอล ในการทำการการเจรจานี้เสร็จสิ้นลง”

     “เรามีแผนงานในระยะยาว จากประสบการณ์และการทำงานกับ โอลิมปิก มาร์กเซย์ มาก่อน ผนวกกับ วัฒนธรรมขององค์กร ซันเดอร์แลนด์ เป้าหมายของเราชัดเจนในการพัฒนาศักยภาพของสโมสร รวมถึงเรื่องภายในสนาม กับสไตล์การเล่นของทีม ที่เราต้องการให้ฟุตบอลของทีม เป็นฟุตบอลที่สนุก และตื่นเต้น สำหรับแฟนบอล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในความสำเร็จของทีม ผมมั่นใจว่าเราทุกคนจะสามารถพาซันเดอร์แลนด์ ไปยังจุดที่ควรจะอยู่ได้ นั่นคือลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ”