หลังจากที่เรา มีการบอกเล่าเรื่องราวของ สองถ้วยฟุตบอล ที่ยิ่งใหญ่ในระดับ ทีมชาติ อย่าง ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กันมาแล้ว วันนี้ เราขอหยิบเรื่องราวของ ถ้วยฟุตบอล ที่เรียกว่า ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับ สโมสร มาให้อ่านกันบ้าง แน่นอน ฟุตบอลในระดับสโมสร ยุโรป ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผมเชื่อว่า พวกคุณรู้จักกัน เป็นอย่างดี กับ “ถ้วยแชมป์สโมสรฟุตบอลระดับยุโรป” หรือที่รู้จักกันในนามของ ถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นเอง
“ถ้วยแชมป์ระดับสโมสรฟุตบอลยุโรป” “ยูโรเปี้ยน คัพ” หรือในยุคปัจจุบัน เรียกว่า ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น เป็นหนึ่งเกียรติยศสูงสุด สำหรับ สโมสร และ นักเตะ ทุกคนที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะมันหมายถึง สโมสรคือสโมสรใหญ่ที่ดีที่สุดในยุโรปในปีนั้นนั่นเอง
การเกิดการแข่งขันฟุตบอลยุโรป ในระดับสโมสรนั้นต้องบอกว่า เกิดขึ้นมายาวนานมากตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากการแข่งขันของสโมสร ฟุตบอล กันระหว่าง สองประเทศ ก่อนที่ต่อมาจะ เริ่มมีการขยายตัวมากขึ้น จนมาถึงช่วงหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง
การแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรยุโรป จึงเริ่มมีการ สร้างรูปแบบการจัดการแข่งขันขึ้นมา อย่างเป็นรูปร่าง โดยสโมสรที่จะได้รับการ คัดเลือกเข้าลงแข่งรายการนี้ จะต้องเป็นแชมป์ ลีก ของแต่ละประเทศเท่านั้น
อีกซีกโลกหนึ่ง การแข่งขัน ชิงแชมป์สโมสรฟุตบอลอเมริกาใต้ ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 ซึ่งต่อมารายการแข่งขันนี้ กลายเป็นรายการแข่งขัน ที่เราคุ้นชื่อในนาม โคปา ลิเบอตาดอเรส คัพ นั่นเอง
ฌักเก้ต์ เฟอร์ราน นักหนังสือพิมพ์ เลอ กิ๊ป ของประเทศฝรั่งเศส ถูกส่งไปยัง เมือง ซานติเอโก้ ประเทศ ชิลี และเขาได้ทำข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันนี้ ซึ่งในปีนั้น วาสโก ดา กาม่า สโมสรฟุตบอล จากบราซิล กลายเป็นแชมป์รายการนั้น
เฟอร์ราน เดินทางกลับมายัง ฝรั่งเศส พร้อมกับความสนใจในแนวคิดจัดการแข่งขัน ฟุตบอล ซึ่งเขาได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง เขานำเรื่องนี้ ไปปรึกษา กับ กาเบรียล ฮานอต กองบรรณาธิการ ของ เลอ กิ๊ป ในการที่จะเตรียมข้อมูล การจัดการ เพื่อเสนอต่อ ยูฟ่า ซึ่งในเวลานั้น อยู่ในช่วงการเตรียมทำโปรเจคต์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ฟุตบอลยูโร” นั่นเอง ซึ่งต่อมา ยูฟ่า ยืนยันว่า เฟอร์ราน และ ฮานอต คือสองคนที่เป็นเสมือนผู้ก่อตั้งการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ นี้ขึ้นมา
หน้าร้อนปี 1953 “หมาป่า” วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ฟุตบอลสโมสรฟุตบอลชั้นนำ ของอังกฤษ ออกเดินทางไปแข่งขัน เกมกระชับมิตร ในหลากหลายประเทศทั้งใน ยุโรป และในแอฟริกา รวมถึงในอเมริกาใต้ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านทาง บีบีซี ด้วยในบางเกม ผลปรากฏว่า วูลฟ์ส ชนะได้ทุกเกมการแข่งขัน และได้รับการยกย่องจาก สื่อมวลชนในอังกฤษว่าเป็น “แชมเปี้ยนโลก” และนั่นเป็นเหมือนกับ การตกผลึกของการแข่งขัน ฟุตบอลระดับสโมสรยุโรป อย่างเป็นทางการ และสุดท้ายในเดือน มีนาคม 1955 สภายูฟ่าประกาศให้มีการแข่งขัน ฟุตบอล ระดับ สโมสรยุโรป เป็นครั้งแรก
ฤดูกาล 1955-1956 กลายเป็นฤดูกาลแรก ของการแข่งขัน ฟุตบอล ระดับสโมสรยุโรป โดยในช่วงแรกการแข่งขัน จะเป็นการแข่งขัน ซึ่งเป็นการ “เชิญเข้าร่วมการแข่งขัน” โดยนิตยสาร ฟร้องซ์ ฟุตบอล ซึ่งได้รับการตอบรับ และ ปฏิเสธ ในช่วงแรก โดยมีการระบุว่า เชลซี จากอังกฤษ และ อเบอร์ดีน จากสกอตแลนด์ ปฏิเสธด้วยเรื่องเกี่ยวกับ เหตุผลเกี่ยวกับการซ้ำซ้อนในการแข่งขัน ระบบฟุตบอลลีก ในประเทศของตนเอง
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันครั้งแรกก็เกิดขึ้น โดยมีทั้งหมด 16 สโมสร และเป็นการแข่งขันในแบบพบกันหมด ในแบบเหย้า-เยือน ยกเว้นในเกมรอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง เรอัล มาดริด ได้เป็น สโมสรแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ และคว้าแชมป์รายการนี้ 5 สมัยติดต่อกัน
หลังจากนั้นก็มีเพิ่มทีม รวมถึงในปี 1992 เริ่มมีการมีการแข่งขันแบบ รอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ในปี 1993 จะมีการเปลี่ยนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ กลายมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน
สำหรับถ้วยแชมป์ของรายการ “ใบแรก” ได้รับการบริจาคจาก หนังสือพิมพ์ เลอกิ๊ป ได้บริจาคมาให้ และใช้งานจนถึงปี 1967 และได้มีการมอบให้ เรอัล มาดริด เป็นการถาวร หลังจากพวกเขา คว้าแชมป์ “สมัยที่ 6” ของสโมสรในปี 1966
ยูฟ่า ได้ทำการสร้างถ้วยแชมป์ใบใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนขนาด และได้รับการออกแบบจาก เยิร์ก สตาเดลมันน์ ชาว สวิสเซอร์แลนด์ และจัดสร้างขึ้นด้วยจำนวนเงิน 10,000 ฟรังก์สวิส ผลิตจากเงิน สูง 74 เซนติเมตร และ น้ำหนักมากถึง 11 กิโลกรัม ซึ่งด้วยดีไซน์ ถ้วยแชมป์สโมสรยุโรปใบใหม่ ซึ่งมีการออกแบบหูจับขนาดใหญ่แบบโค้ง จนถ้วยใบนี้มีชื่อเล่นว่า “บิ๊กเอียร์”
ปัจจุบัน มีเพียง 5 สโมสรเท่านั้นที่มี ถ้วยแชมป์ “ของจริง” เก็บไว้เป็นการถาวร ประกอบไปด้วย
เรอัล มาดริด / อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม / บาเยิร์น มิวนิค / เอซี มิลาน และ ลิเวอร์พูล โดยสโมสรเหล่านี้ผ่านการได้แชมป์รายการนี้มาแล้วมากกว่า 3 สมัยด้วยกัน
โดยในปี 2009 เป็นต้นมา ทุกสโมสรที่ได้แชมป์จะได้ ยูฟ่า จะมอบถ้วยแชมป์จำลอง ให้เป็นที่ระลึกแทน