อาร์เซนอล ปล่อยโอกาสในการกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าไปอยู่ในมือของคู่ปรับตลอดกาลเรียบร้อยแล้ว หลังความพ่ายแพ้ 2 เกมติดต่อกันในโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้
เกมสุดท้ายของฤดูกาลพวกเขาต้องชนะให้ได้ไว้ก่อนที่เหลือขึ้นกับดวงหากมองว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้มันกลับเกิดขึ้นได้ทุกอย่างยังไม่แน่นอนจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายถ้าโชคชะตาจะพัดพาให้อาร์เซนอลได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกก็ต้องบอกว่าไม่ต่างกับการตายแล้วเกิดใหม่
สามบรรทัดบนไม่ได้พิมพ์บนบนทุ่งลาเวนเดอร์แต่อย่างใด แต่เขียนจากความจริงที่ว่า โอกาสยังมีแม้จะโคตรน้อยถึงน้อยมากก็ตาม และไม่ได้ขึ้นกับอาร์เซนอลอีกต่อไปแล้ว ทำใจให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้กับการรับแรงกระแทกที่ชื่อความผิดหวังเอาไว้มาก ๆ โอกาสช้ำใจมีสูง
ต้นฤดูกาลแฟนอาร์เซนอลตั้งความหวังกับทีมในปีนี้สูงที่สุดคือไปแชมเปี้ยนส์ ลีก และขอลุ้นในบอลถ้วยสักรายการก็พอใจแล้ว แต่สุดท้ายปีนี้กำลังจะจบด้วยการไปยูโรป้า ลีก และไม่มีความสำเร็จอะไรติดมือ โดยเฉพาะเอฟเอ คัพ ที่ตกรอบตั้งแต่รอบสามแบบน่าผิดหวัง ผลออกมาเป็นแบบนี้แล้วพอใจหรือไม่ ผู้เขียนไม่สามารถบอกแทนทุกคนได้ แต่มั่นใจได้เลยว่า คำตอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน
ฤดูกาลนี้อาร์เซนอลเหมือนจบลงกลายๆไปแล้วส่วนตัวมองว่าปีนี้อาร์เซนอลไม่ได้ล้มเหลวในแง่ของการทำทีมแต่พวกเขาน่าผิดหวังมากกว่า
ในช่วงต้นฤดูกาล อาร์เซนอล มีการวางแผนงานที่ชื่อว่า “Trust the process” กับการพัฒนา และซื้อนักเตะอายุน้อยเข้ามาสู่ทีม เน้นอายุน้อยมีประสบการณ์ในระดับสโมสรและทีมชาติเข้ามาบ้าง ประเมินแล้วมีโอกาสเข้ากับระบบทีมได้ดี นี่คือแนวคิดที่วางแผนงาน 3-5 ปี
ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว บอร์ดอาร์เซนอล มีเป้าหมายที่ต้องการอย่างไรในฤดูกาลนี้ กับ มิเคล อาร์เตต้า ที่ซึ่งกำลังเข้าสู่การทำงานปีนี้เข้าสู่ปีที่ 4 (เริ่มงานธันวาคม 2019)
หลังจากสิงหาคม 2021 ทีมลงงบประมาณ 150 ล้านปอนด์ ตามด้วยไม่ซื้ออะไรเลยในตลาดมกราคม 2022 ทีมล้างนักเตะไป 5 ตลาดการซื้อขาย อาร์เซนอล มีทั้งออกไป และเข้ามาใหม่ สุดท้ายกลายเป็นทีมที่เห็นในปัจจุบัน แน่นอนยังไม่ดีพอ และการซื้อขายนักเตะรอบต่อไปก็จะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของ ยูโรป้า ลีก แล้วสำหรับตลาดรอบต่อไป
อ้างอิงจากมกราคม 2022 ที่เลือกไม่เสริมทีมใด ๆ เลยและเสียนักเตะในทีมชุดใหญ่ไป 5 คนคือ เซอัด โคลาซินัค / คาลัม แชมเบอร์ส / ปาโบล มารี / ไอน์สลีย์ เมดแลนด์–ไนลส์ และ ปิแอร์–เอเมอริค โอบาเมยอง ส่งผลรุนแรงมากกับขนาดของทีม (Squad Depth) ปัญหาตรงนี้เอฟเฟกต์แรงกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ไล่ตั้งแต่การตกรอบ FA Cup มาจนถึง Carabao Cup ในช่วงเดือนมกราคมทั้งสองรายการ ที่ช่วงนั้นทีมเสียสามนักเตะทั้ง โธมัส ปาเตย์, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ นิโกล่าส์ เปเป้ ไปเล่นทีมชาติในแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ทีมขาดสมดุลในการหมุนเวียนทีมอย่างชัดเจน ผลงานชี้ชัด 5 เกมในเดือนนั้นอาร์เซนอลไม่ชนะเลย เสมอ 2 แพ้ 3 กว่าจะกลับมาได้ก็เข้าเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้ว
การเลือกไม่เสริมทีมในตลาดรอบมกราคม 2022 มีเหตุผลที่รับฟังได้กับการรื้อทีมครั้งใหญ่ และต้องการตัวนักเตะที่ใช่เท่านั้น และต้องเป็นใช่ที่สุดด้วยทั้งคุณภาพและราคา การไม่ได้ตัว ดูซาน วลาโฮวิช คือการอกหักครั้งใหญ่ของอาร์เตต้า ที่ตามจีบมานานนับเดือน สุดท้ายพยายามแค่ไหน แต่คงลืมไปคนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม เมื่อไม่ได้วลาโฮวิช ก็เลยกลายเป็นว่าไม่เสริมใครมาใช้ได้ทันทีแม้แต่คนเดียว และเลือกจะสู้กับครึ่งฤดูกาลหลัง 4 เดือนสุดท้ายด้วย 20 ผู้เล่นชุดใหญ่ กับอีกหลายชีวิตดาวรุ่งแทน
เหตุผลมี เข้าใจได้ แต่สุดท้ายแฟนบอลส่วนมากรวมทั้งผู้เขียนมองที่ “ผลงาน” เป็นสำคัญถ้าทำได้ก็เอาเครดิตไปถ้าไม่ได้เรื่องนี้ถูกขยี้แน่นอน
อาร์เซนอลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีทั้งช่วงที่ดีจนน่าเกลียด และช่วงที่แย่มาก มันแสดงให้เห็นถึงความไม่สม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นของทีม ที่มาจากการจัดการทีมของอาร์เตต้า ที่มีผู้เล่นจำนวนจำกัด และไม่เลือกใช้งานดาวรุ่งที่ขึ้นมานั่งสำรองเลยแม้แต่คนเดียว ทางเลือกสำรองก็หน้าเดิมมาตลอดร่วม ๆ 20 เกมดังนั้นมันคงไม่แปลกหรอกถ้าคู่แข่งหลายทีมเขาจะจับแนวทางการเล่นได้รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างที่สำคัญอาการล้าและอาการบาดเจ็บของผู้เล่นก็ถามหาเข้ามาจนทีมรวนแล้วตัวสำรองก็มาทดแทนไม่ได้ด้วย
ชื่อของ เซดริก โซอาเรส และ นูโน่ ตาวาเรส คือสองคนที่โดนแขวนขึ้นมาพูดถึงบ่อยครั้งใน 4 เดือนหลังสุด เมื่อพวกเขาไว้ใจไม่ได้เท่ากับ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ และ คีแรน เทียร์นีย์ ส่วนนิโกล่าส์ เปเป้ จากตัวความหวัง กลายเป็นคนที่นั่งสำรองเยอะที่สุดในทีม สวนทางกับ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ คือคนที่ได้โอกาสที่ดีในช่วงที่แย่ของทีมจากการเสีย โธมัส ปาเตย์ไป เช่นเดียวกับ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ที่ได้โอกาสช่วงที่ลากาแซตต์ติดโควิด-19 และคว้าโอกาสไว้ได้ด้วยการยิงประตูในเกมกับเชลซี แต่ถามด้วยความเคารพในอาชีพนักเตะ พวกเขาดีพอกับ 11 ตัวแรกอาร์เซนอลจริงหรือ หรือกระทั่งจะฝากหวังไว้กับตอนที่ตัวจริงไม่พร้อมได้มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ผมก็เชื่อมั่นอีกเช่นกันว่า คำตอบของคุณผู้อ่านคิดไม่เหมือนกันแน่นอน สำคัญคืออาร์เตต้าคิดยังไงกับเรื่องนี้
ปัญหาขนาดของทีม สัมพันธ์กับคุณภาพของตัวจริง และตัวสำรองที่ก็ยังห่างชั้นมาก ตรงนี้ตลาดรอบที่ 6 ของอาร์เตต้า มีคำถามเต็มไปหมด และเขาก็ไม่ยอมตอบเสียด้วย เพราะบอกว่าขอให้ทั้งทีมมุ่งมั่นกับฤดูกาลนี้ก่อน แต่สิ่งที่ทำออกมาเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2022 คือสิ่งที่ย้อนแย้งกับที่พูดมากที่สุด
บอร์ดบริหารประกาศต่อสัญญากับ มิเคล อาร์เตต้า อีกสามปี สวนทางกับแนวคิดของการทำงานของเขาซึ่งอยากให้นักเตะมุ่งมั่นกับงานให้เต็ม 100 % เป็นอันดับแรกก่อนคุยเรื่องสัญญา แต่กลับกลายเป็นโค้ชที่ได้สัญญาใหม่ทั้ง ๆ ที่ “งานยังไม่จบ” แม้ว่า อาร์เตต้า จะกล่าวว่าการต่อสัญญาจะทำให้ นักเตะหลายคนที่มาถามเรื่องนี้ได้ความชัดเจนในอนาคตของเขา และเขาไม่ได้เป็นคนร้องขอการต่อสัญญาใหม่ใด ๆ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาลก็ตาม แต่หากมองถึง “ข้อตกลง” ที่ตนเองว่าไว้กับเด็กในทีม คุณทำแบบนี้ก็เหมือนกับกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วลูกทีมจะมองอย่างไร ในการทำงานองค์กรคนจำนวนมาก ๆ 20-50 คน ไม่มีวันที่ “หัวหน้า” จะได้ใจ “ลูกน้อง” ทุกคนเป็นไปได้ยากมาก แล้วยิ่งเคสแบบนี้ มันจะไม่แปลกเลย ถ้ามีนักเตะบางคนตั้งคำถามในเรื่องนี้ และมันก็ชัดเจนว่าการต่อสัญญากับโค้ชบนความเสี่ยงที่ยังไม่รู้จะจบอันดับที่เท่าไร แต่ก็ยังต่อสัญญานั่นมันก็แสดงออกมามันชัดเจนแล้วว่า “ยูโรป้า ลีก” คือขั้นต่ำที่พวกเขาประเมินผลงานของทีมเอาไว้เช่นกัน
จริงอยู่ที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ตกเป็นข่าวว่าอยากต่อสัญญาใหม่ และมีข่าวอีกว่าอาร์เซนอลต้องการต่อสัญญาใหม่ด้วย แต่ทุกอย่างก็ยังไม่เกิดขึ้นอยู่ดี หรือกระทั่ง อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ ก็ยังไม่เลือกเซ็นสัญญากับใครเลย แม้จะบอกว่ามีข้อเสนอเข้ามาแล้วก็ตาม เขาก็ยังรอให้จบฤดูกาลก่อนเลยเพื่อมาคุยกับทีมงานอาร์เซนอล และค่อยตัดสินใจสุดท้ายอีกที ในเวลาที่ทุกอย่างชัดเจนแล้ว
อาร์เซนอลมักถูกตั้งข้อสังเกตมาเสมอ ๆ เกี่ยวกับปัญหากับเรื่องของการต่อสัญญาใหม่นักเตะหลายครั้งที่ต่อแล้วผลงานไม่ดีดังเดิม (บางคนต่อแล้วผลงานดีเหมือนเดิมก็มีอยู่บ้าง)แต่สำหรับโค้ชการได้รับการต่อสัญญาใหม่เช่นนี้ ส่วนตัวมองว่าผิดเวลา และผิดระเบียบที่ตัวเองวางเอาไว้ ในเคสของอาร์เตต้าก็เช่นกัน จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็คงไม่ได้ เพราะหลังต่อสัญญามาสองเกมหลังสุดแพ้ทั้งสองเกมแบบได้ 0 เสีย 5 ประตู
บอร์ดบริหารอาร์เซนอล หรือว่าแฟนบอลอาร์เซนอลบางส่วนอาจจะประเมินว่า ยูโรป้า ลีก กับอันดับ 5 ในปีนี้ก็ไม่เลวร้ายนัก เมื่อเป็นเป้าหมายที่คิดไว้อยู่แล้วว่า “เป็นไปได้” ตั้งแต่ต้นฤดูกาลนี้ แต่หากมองบริบทที่เกิดขึ้นในทีมช่วงที่ผ่านมา โอกาสไปแชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ในมือแล้ว ปล่อยให้มันหลุดมือไปได้อย่างไร ทีมเปิดกล่องแพนโดร่าที่มีความหวังอยู่ในนั้นออกมาให้แฟนบอลฝันหวานที่กลายเป็นฝันร้ายในท้ายที่สุด
“น่าผิดหวัง” จึงน่าจะเหมาะกับทีมของ มิเคล อาร์เตต้า มากที่สุด กุนซือหนุ่มที่มุ่งมั่นมากกับการพาทีมประสบความสำเร็จไฟแรง แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดหลายครั้งในการตัดสินใจที่ได้เลือกเองแล้วผลไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนจะ “ล้มเหลว” หรือไม่ ใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ สุดท้าย บอร์ดบริหารชัดเจนไปเรียบร้อยแล้ว