เรื่องของฟุตบอล และไวรัส โควิด-19 ยังคงมีเรื่องให้เราได้อ่านกันต่อเนื่อง สองปีแล้วนะครับที่โลกรู้จักกับ โควิด-19 เมื่อมันเข้ามาในชีวิตของเราแล้ว เรายังเลิกจากมันก็ยังไม่ได้ จะให้มันหายไปตลอดกาลก็ไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือการอยู่ร่วมกัน และใช้ชีวิตของเราต่อไป
“ชีวิตของเรา…ใช้มันเสียเถอะ แต่ก็ต้องดูแลตนเองกันด้วย” หนึ่งในนั้นที่เพิ่มโอกาสในความปลอดภัยให้กับเรานั่นคือเรื่องวัคซีน
ในประเทศไทยอย่างที่เราทราบกัน ตอนนี้มีวัคซีนหลากหลายแบรนด์ที่เข้ามา จะเป็นแบบไหนอย่างไรบ้างก็แล้วแต่ เราสามารถเลือกบนความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราจะนำเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญ และคนส่วนมากเห็นพ้องในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่สำหรับในอังกฤษ ซึ่งไม่ได้มีการบังคับกันอย่างเป็นกฎหมายใด ๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนของประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศ และแน่นอนรวมถึง นักเตะในพรีเมียร์ ลีกด้วย ขึ้นกับความสมัครใจของแต่ละบุคคล
จากข้อมูลของสื่อในอังกฤษระบุว่า พรีเมียร์ ลีก รวมถึงสมาคมฟุตบอลอังกฤษ มีความพยายามในการที่จะแจ้งขอให้นักเตะในลีกเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และบุคคลรอบข้าง โดยถึงเวลานี้ตามข้อมูลมีเพียง 7 จาก 20 สโมสรในพรีเมียร์ ลีก เท่านั้น ที่ผู้เล่นฉีดวัคซีนเกิน 50 % และมีนักเตะบางคนยืนยันว่าจะไม่ฉีดวัคซีนใด ๆ ทั้งสิ้น และก็มีบางสโมสรที่นักเตะจำนวนน้อยมากที่เข้ารับการฉีดวัคซีน หนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เคยออกมายอมรับว่าตัวเขาเองนั้นเข้ารับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับลูกทีมของเขานั้น เขาไม่สามารถบังคับใด ๆ ในเรื่องนี้ได้ ตรงข้ามกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ออกมาบอกว่า นักเตะ ในทีมหงส์แดงรับการฉีดวัคซีนทั้งหมดแล้ว โดยไม่ต้องบอกอะไรเลย แต่ทั้งนี้เรื่องแบบนี้ ไม่สามารถบังคับใจใครได้
ในยุโรป หรือในอเมริกา มีความเชื่อเกี่ยวกับในเรื่องของโควิด-19 นั้นสามารถหายได้จากการบำบัด หรือดูแลโดยธรรมชาติ และคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน รวมถึงบางคนมีการแสดงความเห็นในสื่อออนไลน์กับการต่อต้านการฉีดวัคซีนเสียด้วยซ้ำ อย่างเช่น โอลิเวีย เนย์เลอร์ แฟนสาวของ จอห์น สโตนส์ แนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ออกมาโพสเกี่ยวกับการไม่ต้องการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของ นโยบายในแต่ละประเทศกับการจัดการไวรัสโควิด-19 ที่ไม่เหมือนกัน และบางประเทศมีการจัดการที่เข้มงวดอย่างยิ่ง ยังไม่รวมถึงเรื่องของความเชื่อ และเหตุผลส่วนบุคคล เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน บางคนเชื่อในสิ่งที่คนรอบข้างบอก มากกว่าเชื่อในคำแนะนำของแพทย์ เกี่ยวกับวัคซีน เช่นในกรณีของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ คาร์ล ดาโลว์ นายทวารของทีม น้ำหนักลดไปหลายกิโลกรัม จากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีน และต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อดูแลอาการ ก็ทำให้นักเตะหลายคนกังวลในเรื่องนี้ และตัดสินใจไม่ฉีดวัคซีน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามก็ยังมีหลายสโมสรที่ประสบความสำเร็จในการได้รับความร่วมมือจากคนในทีม ซึ่งนอกเหนือจาก ลิเวอร์พูล แล้ว สโมสรอย่าง “หมาป่า” วูลฟ์สแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ก็ประสบความสำเร็จมากระดับ 100 % กับบุคลากรในทีมที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบทั้งหมดแล้ว
พวกเขาใช้ระบบที่เรียกว่า “inner bubble” ในการดูแลบุคลากรทั้งหมดของทีม ซึ่งทีมนั้นเข้ารับการฉีดวัคซีนครบหมดตั้งแต่ปลายฤดูกาลที่ผ่านมาแล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานของ NHS ท้องถิ่นของประเทศอังกฤษในการเข้ามาจัดการในเรื่องนี้ โดย เจฟ ฉี ประธานสโมสรวูลฟ์แฮมป์ตัน ผู้ซึ่งเป็นชาวจีน ได้ทำการแจ้งทีมงานทุกคนในเรื่องนี้เกี่ยวกับอันตรายของ โควิด-19 มาตั้งแต่ต้นปี 2020 และพวกเขาเป็นสโมสรแรกที่ตัดสินใจใช้มาตรการ “”Work From Home” เพื่อลดความเสี่ยงในการระบาด นอกจากนี้ ลีดส์, เซาธ์แธมป์ตัน รวมถึง เบรนท์ฟอร์ด ก็มีบุคลากรเกิน 90 % ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเรียบร้อย
ขณะที่ทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ออกมาพูดในเรื่องนี้ว่าเขาสนับสนุนเรื่องของการฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัย และสบายใจของทุกฝ่าย และเพื่อให้ทุกคนนั้นสามารถหยุดวิกฤตการระบาดนี้ไปเสียที และไม่เห็นว่าจะมีวิธีการไหนได้ผลเท่ากับการฉีดวัคซีนด้วย โดยทีมชาติอังกฤษนั้นมีนักเตะบางคนก็ยังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต ยืนยันว่าจะไม่มีการบังคับใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะอยากให้ทุกคนไปฉีดวัคซีนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่า ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับ มหกรรมฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีหน้า ในประเทศกาตาร์ จะมีนโยบายมในเรื่องของการควบคุมโรคที่เข้มงวด ทั้งในเรื่องของนักเตะที่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน และต้องมีการตรวจเชื้อทุก ๆ สามวัน ตลอดทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน ไปจนถึงแฟนบอลที่เข้ามาชมต้องผ่านการฉีดวัคซีนตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
โควิด-19 น่าจะเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตของเราในยุค “New normal” ที่คงไม่มีอะไรเหมือนเดิม 100 % อีกต่อไปแล้ว และเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็ต้องยอมรับ และเรียนรู้การที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้ตนเองมีชีวิตอย่าง “ไม่ทุกข์ใจให้มากที่สุด” บนโลกที่วุ่นวาย และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอใบนี้