ปิดตลาดอย่างเป็นทางการเรียบร้อย เมื่อเวลา 06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย สำหรับตลาดการซื้อขายเดือน มกราคม 2021 ที่ต้องบอกว่า เป็นตลาดการซื้อขายที่ “เงียบเหงา” ที่สุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอลยุโรป
พรีเมียร์ ลีก ไม่มีการซื้อขายด้วยค่าตัวมหาศาล ไม่มี บิ๊กดีล ให้ต้องลุ้นกันเหมือนที่ผ่านมา…ทั้งหมด สาเหตุหลักมาจาก การระบาดของ โควิด-19 ที่ผ่านมาแล้ว 1 ปี ไวรัส ดังกล่าว ยังไม่หมดไปจากโลกของเรา และยังคงต้องอยู่ร่วมกับมันต่อไป
เบน เดวิส กองหลัง วัย 25 ปี แทบจะเป็นดีลเดียวที่มีการระบุตัวเลข “ค่าตัว” ออกมา โดย สกาย สปอร์ต รายงานว่า ลิเวอร์พูล จ่ายเงินจำนวน 500,000 ปอนด์ เซ็นสัญญามาจาก เปรสตัน นอร์ท เอนด์ ทีมในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยในวันสุดท้ายของตลาด ซึ่งปกติ จะเป็นวัน “ฝุ่นตลบ” กับการย้ายทีมจนถึงนาทีสุดท้าย กลับมีไม่ถึง 20 ดีล ที่เป็นการ “ย้ายเข้า” สู่ทีมจาก พรีเมียร์ ลีก และมีเพียงดีลของ เดวิส เท่านั้น ที่เป็นการจ่ายค่าตัว นอกนั้น ยืมตัวทั้งหมด
ยิ่งหากมองลึกลงไปในสโมสรระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ยิ่งจะเห็นชัดเจน เมื่อมีการระบุว่า หลายสโมสร ไม่เปิดเผยค่าตัวในการย้ายทีมของ นักเตะ ซึ่งก็คาดว่าจำนวนค่าตัวไม่สูงมากนัก และเน้นการยืมตัวเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงสโมสรระดับ ลีกวัน หรือ ลีกทู พวกเขาแทบจะตายกันหมดแล้วกับการที่ไม่มีผู้ชมเข้าสนาม ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยตรง เมื่อรายรับไม่มี รายจ่ายก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาจ่ายเช่นกัน
ตลาดการซื้อขายเดือน มกราคม ตามปกติเป็นตลาดแห่งการ เสริมทีมแบบจำเป็นต้องเสริม หรือไม่ก็รอเซ็นสัญญาเหล่านักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในช่วงกลางปี เสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ปีนี้มันก็เงียบเหงาเกินกว่าที่ควรจะเป็นเช่นกัน
ทีมใหญ่อย่าง “จ่าฝูง” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมตลาดในรอบนี้ มีเพียงการยืมตัว นักเตะ ดาวรุ่งบางคนเท่านั้น ที่ออกจากทีมไป ส่วนขาเข้าไม่มีเลย ส่วนหนึ่งนอกจาก โควิด-19 แล้ว พวกเขาก็ลงตลาดรอบตุลาคมไปแบบเต็มคราบแล้วนั่นเอง
“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัว อาหมัด ดิอัลโล่ ปีกไอวอรีโคสต์ จาก อตาลันต้า มาร่วมงานด้วย แต่ก็เป็นการเซ็นสัญญาล่วงหน้ามาตั้งแต่ตลาดในรอบเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว
“แชมป์เก่า” อย่าง ลิเวอร์พูล มีการขยับตัวเช่นกัน เป็นการขยับตัวแบบ “เสียมิได้” เมื่อแนวรับของพวกเขามีปัญหา นักเตะ บาดเจ็บหลายคน โดยเฉพาะ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ แนวรับคนสำคัญที่อาจไม่ได้ลงเล่นอีกแล้วในฤดูกาลนี้ ส่งผลต่อความมั่นคงในแนวรับของทีมอย่างยิ่ง แถมในวันสุดท้ายของตลาดการซื้อขาย โจเอล มาติป กองหลังแคเมอรูน ถูกระบุว่าบาดเจ็บต้องพักทั้งฤดูกาล ยิ่งทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจเข้าสู่ตลาดอย่างเร่งด่วน และก็ได้ตัว โอซาน คาบัค แนวรับดาวรุ่งตุรกี จาก ชาลเก้ 04 มาร่วมงานด้วยอีกหนึ่งคนในแบบยืมตัว เมื่อรวมกับ เบน เดวิส ก็เท่ากับ ลิเวอร์พูล ได้กองหลังสองคน มากู้วิกฤตแนวรับ ที่ต้องรอพิสูจน์คุณภาพกันอีกครั้ง
เชลซี และสเปอร์ส เป็นสองทีมใหญ่ที่แทบไม่มีอะไรให้พูดถึงในตลาดรอบนี้เลย “สิงโตน้ำเงินคราม” ลงทุนไปทะลุร้อยล้านปอนด์ ในตลาดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ผลงานกลับไม่น่าพอใจกับการลงทุน จนต้องมีการเปลี่ยนโค้ช และการเข้ามาของ โธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งเพิ่งเข้ามาเพียงไม่ถึง 7 วัน ก่อนปิดตลาดการซื้อขาย เขาเลือกที่จะเก็บ นักเตะ ทุกคนในทีมเอาไว้ทั้งหมด มากกว่าที่จะ ซื้อคนใหม่เข้ามา เรียกว่าเป็นทั้งเปิดโอกาสให้ นักเตะ ที่มีในทีมได้พิสูจน์ตนเองอีกครั้ง และเป็นการประหยัดงบของทีมไปในตัว ส่วน “ไก่เดือยทอง” ก็คล้ายกัน ทีมของ มูรินโญ่ มีการลงทุนมากพอสมควรในตลาดการซื้อขาย รอบที่แล้ว และทำให้รอบนี้ พวกเขามีแต่ปล่อยตัว ดาวรุ่ง ออกจากทีมแบบยืมตัวเท่านั้น ส่วน เดเล่ อัลลี่ ดาวเตะ ทีมชาติอังกฤษ แม้จะมีข่าวอยากย้ายออกจากทีม แต่สุดท้ายแล้ว สเปอร์ส ก็ไม่ปล่อยตัว เพราะพวกเขาไม่สามารถหาตัวแทนมาทดแทนได้นั่นเอง
“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล คือทีมที่มีการขยับมากที่สุด มิเคล อาร์เตต้า เข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัดทีมอย่างแท้จริง หลังการคุมทีมครบ 1 ปีเต็ม การจากไปของ เมซุต เออซิล สู่ เฟห์เนบาเช่ สร้างความเจ็บช้ำให้กับ แฟนบอล จำนวนไม่น้อย แต่ในทางกลับกัน ในเมื่อไม่ได้ใช้งาน การแยกย้ายก็เกิดขึ้น และ อาร์เซนอล ลดภาระค่าแรงระดับ 350,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ ที่เป็นรายจ่ายก้อนโตไปได้ในตลาดรอบนี้ เช่นเดียวกับ โซคราติส (โอลิมเปียกอส) และ สโคดราน มุสตาฟี่ (ชาลเก้ 04) ซึ่งพวกเขาได้ค่าเหนื่อยรวมกันเกือบ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ รวมถึงยังปล่อย ดาวรุ่ง ที่ยังแจ้งเกิดไม่ได้ อย่าง ไอน์สลีย์ เมดแลนด์-ไนลส์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน), วิลเลี่ยม ซาลิบา (นีซ) และ โจ วิลล็อค (นิวคาสเซิ่ล) ออกไปแบบยืมตัวทั้งหมด ซึ่งเมื่อรวมกับ เซอัด โคลาซินัค (ชาลเก้ 04) ที่ยืมตัวไปอีกคน พวกเขาสามารถลดรายจ่ายไปได้มากทีเดียว
การเข้ามาของ แมตต์ ไรอัน (ยืมตัว-ไบร์ทตัน) คือการเพิ่มทางเลือกในตำแหน่งนายทวาร แทนการเสีย แมตต์ เมอร์ซีย์ นายทวารคนเดิมที่ย้ายไป ฮิเบอร์เนี่ยน ส่วน มาร์ติน เออเดการ์ด ดาวรุ่งทีมชาตินอร์เวย์ (ยืมตัว-เรอัล มาดริด) ก็เข้ามาเพื่อใช้งานในฐานะ กองกลางตัวรุก อีกหนึ่งทางเลือก นอกจาก เอมิล สมิธ โรว์ ดาวรุ่งที่ตอนนี้ฟอร์มกำลังสวยได้พอดี เรียกว่าตลาดมกราคม อาร์เตต้า และ อาร์เซนอล “Clearance Sale” ได้ค่อนข้างดี ลดภาระรายจ่ายไปได้หลายล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน ก็ต้องบอกว่าพวกเขา “Cut Loss” ค่อนข้างโหด เมื่อมองถึงค่าตัวที่พวกเขาเคยซื้อ ไม่ว่าจะเป็น เออซิล (42.5 ล้านปอนด์), โซคราติส (17 ล้านปอนด์) และ มุสตาฟี่ (35 ล้านปอนด์) แต่ทั้งสามคนออกจากทีมไปแบบไม่มีค่าตัวทั้งหมด ก็นับว่าเป็น “ความล้มเหลว” ในการบริหารเรื่องการซื้อขายเช่นกัน บนพื้นฐานที่ว่า การปล่อยตัวในช่วงการระบาดของโควิด-19 มันก็ไม่เอื้อให้พวกเขาทำอะไรได้มากนัก เพราะมันส่งผลกับทุกสโมสร แบบไม่มีข้อยกเว้น
มองไปในส่วนของตลาดในยุโรป ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก สโมสรใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ยักษ์ใหญ่ อย่าง บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, บาร์เซโลน่า หรือว่า เรอัล มาดริด พวกเขาแทบไม่เคลื่อนไหวในตลาดรอบนี้เลย โดยเฉพาะ บาร์ซ่า ที่มีข่าวว่าพวกเขากำลังเจอกับปัญหาภาระหนี้สินมากมาย ยิ่งทำให้พวกเขาต้องเคลียร์เรื่องนี้เป็นอันดับแรก
ตลาดการซื้อขาย มกราคม 2020-2021 สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริง ทางด้านการเงินของทุกสโมสร และแนวโน้มของตลาดการซื้อขายในอนาคต ที่คาดว่าจะมีการชะลอตัวในการใช้จ่ายในรอบต่อไปอีกค่อนข้างแน่ ขึ้นกับ สถานการณ์โลกของเรา และ โควิด-19 ด้วยว่าจะไปเป็นในทิศทางใด แต่ก็พอจะประเมินโดยคร่าวได้ว่า ตลาดรอบเดือนสิงหาคม 2021 น่าจะมีการขยับตัว และมีเงินหมุนเวียนเข้ามากันมากกว่านี้ แต่ “บิ๊กดีล” ที่เกิดขึ้นกันมาตลอดก่อน โควิด-19 ระบาด ก็คงยังไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และคงจะเป็นเช่นนั้นไปอีกหลายปี จนกว่า เศรษฐกิจ ในภาพรวมจะกลับมาฟื้นตัวนั่นเอง