ย้อนรอยหนึ่งปี ทอฟฟี่เมน “พ่อ-ลูกอันเชลอตติ” Part 2

การซ้อมของทีม เอฟเวอร์ตัน ในยุคของ คาร์โล อันเชลอตติ มีความเข้มข้นค่อนข้างมาก พวกเขาจะลงซ้อมกัน 60 – 90 นาที เต็มไปด้วยการซ้อมในหลายรูปแบบ ทั้งการเล่นเกมโต๊ะเล็ก แบ่งทีมลงซ้อม ไปจนถึงการเล่นรับส่งบอลแบบที่ในวงการเรียกกันว่า “รอนโด้” และหนึ่งสัปดาห์ นักเตะ จะมีวันพักหนึ่งวันเท่านั้น

เป้าหมายของการเล่นคือ เอฟเวอร์ตัน จะเซตเกมขึ้นมาจากด้านหลัง และเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนหน้า

“Positional Play” เป็นรูปแบบการเล่นที่ อันเชลอตติ นำมาใช้กับการเล่นที่เป็นการเล่นผ่านบอลอย่างรวดเร็วจากแนวรับขึ้นมา มากกว่าจะเพียงแต่ครองบอลเท่านั้น แต่แล้วหลังความพ่ายแพ้ในเกมเอฟเอ คัพ ต่อ ลิเวอร์พูล ในเดือนมกราคม 2020 พวกเขาก็กลับมาคิดใหม่ในเรื่องนี้

“อันเชลอตติ ต้องการที่จะให้ นักเตะ ในทีมอยู่กับบอลให้มากที่สุด การซ้อมของเขาเน้นในเรื่องนี้อย่างมาก”

นับจากการย้ายเข้ามาทำทีม เอฟเวอร์ตัน มาพร้อมแผนการเล่นที่หลากหลาย พวกเขาผ่านการเล่นมาแล้ว เริ่มต้นจาก 4-4-2 ซึ่งใช้งานนานประมาณ 6 เดือนแล้ว มันเป็นแผนการเล่นมาตรฐาน ซึ่ง ดันแคน เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชั่วคราวเซตเอาไว้ ก่อนที่ คาร์โล อันเชลอตติ จะเข้ามารับงานแทน และในช่วงนั้น เขา ไม่แตะต้องกับระบบการเล่นเลย แต่เน้นในเรื่องการปรับแต่งในรายละเอียดการเล่นเป็นหลัก

“สิ่งที่ อันเชลอตติ แตกต่างจาก กวาร์ดิโอล่า คือเรื่องของความหยืดหยุ่น เขาไม่เคยใส่ใจมากกับระบบใดระบบหนึ่ง แต่เขาต้องการระบบการเล่นที่ลงเล่นเพื่อชัยชนะในแต่ละเกม และนั่นทำให้ทีมลงเล่นหลากหลายรูปแบบทั้ง 4-3-3 และ 3-4-3 แผนการเล่นของทีมไม่เคยตายตัว ดังนั้นเกมนี้เจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมอาจจะเล่นแผนหนึ่ง เพื่อเอาชนะ และจะลงเล่นแผนอื่นก็ได้ หากมันสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง เชลซี ในเกมต่อไป” แหล่งข่าวใกล้ชิดของ อันเชลอตติ กล่าว

การปรับระบบของของ เอฟเวอร์ตัน เริ่มต้นจากเกมรับที่อ่อนยวบ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” 10 เกมแรกของ อันเชลอตติ ไม่มีเกมไหนไม่เสียประตู ก่อนที่จะมีการปรับระบบกันมาต่อเนื่องจนสุดท้าย ฤดูกาลใหม่เริ่มต้นขึ้น เอฟเวอร์ตัน ชนะ 7 เกมรวดติดต่อกันในทุกรายการ ก่อนที่จะมีช่วงหนึ่ง เอฟเวอร์ตัน กลายเป็น จ่าฝูง พร้อมฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ โดมินิค-คัลเวิร์ต เลวิน ที่กลายเป็น นักเตะ ทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ ไปเรียบร้อยแล้ว

ในฤดูกาล 2020-2021 เอฟเวอร์ตัน

“ด้วยผู้เล่นที่เรามี เราสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเล่นได้หลากหลายมาก อย่างเช่น ถ้าเรามี ฮาเมส, อันเดร โกเมส และ ลูก้า ดีญ อยู่ในทีม พวกเขาเป็นผู้เล่นที่ทรงประสิทธิภาพเมื่อมีบอลอยู่กับตัว แต่ถ้าไม่มีพวกเขาในสนาม วิธีการเล่นก็จะแตกต่างออกไปบ้างเล็กน้อย และเรามีทางเลือกอื่นรอเอาไว้แล้ว ณ.เวลานี้เรามี นักเตะ หลายคนในทีม มีจุดเด่นเรื่องของสภาพร่างกาย ดังนั้นเราจึงมีทีมที่เล่นได้ทั้ง ลูกตั้งเตะทีดี และเล่นจังหวะสวนกลับได้เก่ง แต่ทั้งหมดสำคัญคือเรื่องของ สปิริตภายในทีม คาร์โล พูดเสมอว่า พื้นที่อันตรายที่สุด คือพื้นที่ในระหว่างแนวรับของทีม ทีมต้องมีสมาธิให้มากที่สุด ถ้าคุณพลาด นั่นคือความผิดหวัง และความล้มเหลว ของการซ้อมที่ผ่านมา” ดาวิเด้ อันเชลอตติ กล่าว

ในฤดูกาล 2020-2021 เอฟเวอร์ตัน เจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บของ นักเตะ รุมเร้าหลายคน โดยเฉพาะในตำแหน่งฟูลแบ็ค เชมุส โคลแมน และ ลูก้า ดีญ โดยเฉพาะรายหลังต้องพักนานหลายเดือน และนั่นทำให้ทีมต้องมีการปรับเปลี่ยนการเล่น เพื่อให้เข้ากับทรัพยากร นักเตะ ที่มีในทีม อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งทีมของ พวกเขา ก็ยังมีปัญหาอยู่เช่นกัน เมื่อ เอฟเวอร์ตัน แพ้ติดต่อกันหลายเกม ก่อนกลับมาได้ในเกมลีกที่พบกับ อาร์เซนอล

ระบบการเล่นมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว การเสริมนักเตะก็เสริมแล้ว แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการปรับแต่งทีมคือเรื่องของ “จิตสำนึก” ของ นักเตะ แต่ละคน

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อันเชลอตติ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุดเป็นลำดับต้นของการเข้ามาทำงาน กระตุ้นนักเตะ ให้มองเห็นถึงศักยภาพของตนเอง และสร้างความเชื่อมั่นด้วย “บารมี” ของเขา ในการที่สามารถโน้มน้าวใจ นักเตะ ชั้นนำอย่าง ฮาเมส โรดริเกวซ มาจาก เรอัล มาดริด รวมถึง อัลลัน กองกลางฟอร์มดี จากนาโปลี ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเรื่องของ คอนเนคชั่น ของอันเชลอตติ ที่ผ่านการคุมทีมมาแล้วกับสโมสรใหญ่ถึง 4 ลีกใหญ่ด้วยกัน (บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด, เชลซี และ เอซี มิลาน)

“เราต้องการเก็บรักษาสปิริตของทีมเอาไว้ เราต้องต่อสู้เพื่อให้แฟนบอลได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น และมันชัดเจนกับสิ่งที่เราทำ ด้วยการเก็บ เชมุส โคลแมน (นักเตะไอร์แลนด์ที่อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ปี 2009) เขาเป็นหนึ่งในแผนงานของเรา เป็นผู้นำที่แท้จริงในห้องแต่งตัวของทีม เขาช่วยเหลือ คาร์โล ได้มาก ทั้งในเรื่องของสิ่งที่ต้องการสื่อสาร และวินัยในห้องแต่งตัวของทีม เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ยังไม่รวมถึง นักเตะ คนอื่นที่ขึ้นมาจากระบบเยาวชนของ เอฟเวอร์ตัน อย่าง ทอม เดวิส, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน หรือว่า เมสัน โฮลเกต พวกนี้เหมือนตัวแทนของสโมสรได้เป็นอย่างดี”

จะเป็นแชมป์ได้ไหม

การเข้ามาของ นักเตะ ใหม่ อย่าง ฮาเมส, อัลลัน หรือว่า อับดุลลาย ดูคูเร่ เป็นการยกระดับทีมไปอีกขั้น และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนในการบอกกับ นักเตะ ที่เหลือในทีมว่า ถ้าคุณดีไม่พอ ไม่เต็มที่คุณก็จะไม่ได้ลงเล่น ทางเดียวที่จะได้ลงเล่นคือ ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น ฟอร์มตกเมื่อไร มีโอกาสหลุดออกจากทีมทันที

“นั่นคือหัวใจของการทำงานของอันเชลอตติ หัวใจของคนที่อยากเป็นผู้ชนะเสมอ ผลงานในสนามอาจมีช่วงเวลาที่ดี และบางเกมก็ไม่ดี ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่สำหรับ นักเตะ ในทีมแล้ว ตราบใดที่มีหัวใจของความเป็น นักสู้ เราก็ยากจะพ่ายแพ้” เมสัน โฮลเกต กองหลังดาวรุ่ง เอฟเวอร์ตัน กล่าว

“เราจะเป็นแชมป์ได้ไหมหรือ…ทำไมล่ะ ในเมื่อ คาร์โล อันเชลอตติ ย้ายมาที่นี่ เขามาเพื่อต้องการทำให้ทีมเป็นแชมป์ เขาเป็นผู้จัดการทีมระดับชั้นนำ ตอนเขาย้ายมาที่นี่วันแรก เอฟเวอร์ตัน มีผู้จัดการทีมที่แตกต่างจากที่ผ่านมาหลายปี จาก โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ, โรนัลด์ คูมัน, แซม อัลลาไดซ์ และ มาร์โก ซิลวา เขาต่างจากคนอื่นชัดเจน”

โปรดติดตามตอนต่อไป