กลายเป็นเรื่องราวน่าสนใจทันที เมื่อ เฮคตอร์ เบลเลริน (25 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) กองหลังอาร์เซนอล มีชื่อกลายเป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรฟุตบอล ในระดับลีกทู ของอังกฤษ ที่มีชื่อว่า ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส หรือชื่อย่อว่า เอฟจีอาร์ ซึ่งสโมสรแห่งนี้ไม่ใช่สโมสรที่เพิ่งก่อตั้งแต่อย่างใด แต่พวกเขาได้ก่อตั้งสโมสรมาตั้งแต่ปี 1889 ตั้งอยู่ในเมือง กลูเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
เดล วินซ์ ประธานสโมสร ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส เปิดเผยว่า พวกเขาได้รับการรับรองจาก ฟีฟ่า ว่าเป็นสโมสรที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดในโลก ในปี 2015 พวกเขา เป็นสโมสรที่เป็น “สโมสรฟุตบอลมังสวิรัติแห่งแรกของโลก”มีการปลูกพืชสวนครัว สำหรับใช้ในการทำอาหาร และแจกจ่ายไปยังแฟนบอล รวมถึง นักเตะ อยู่เสมอ รวมถึง องค์กร ยูไนเต็ด เนชั่นส์ ก็ให้การรับรองว่าพวกเขา เป็นสโมสรแรกที่ปราศจากสารพิษอีกด้วย
เบลเลริน โดยปกติแล้ว ได้รับการเปิดเผยว่า ใส่ใจในเรื่องของการทานอาหาร และเขาทานผักผลไม้เป็นหลัก เพื่อการควบคุมน้ำหนัก และเขาอยากให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วม หรือให้ความสนใจในเรื่องนี้
“เดล เข้ามาปฏิวัติสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ พวกเขาทุกคนเป็นมังสวิรัติ ทั้งหมด เป็นพวกอนุรักษ์ธรรมชาติ และนี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนมากกับแนวทางนี้ ในเรื่องของการบริหารสโมสรฟุตบอล ดังนั้น ผมจึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ และผมเสนอตัวที่จะช่วยเหลือพวกเขาในแนวทางที่ผมสามารถทำได้”
การลงทุนถือหุ้นของ เบลเลริน ในครั้งนี้ ไม่มีการบอกจำนวนอย่างเป็นทางการ แต่ได้รับการอนุมัติจากทาง เอฟเอ เรียบร้อยแล้ว หลังจากส่งหลักฐานการถือครองหุ้นจำนวนต่ำกว่าที่จะเกิดข้อวิพากษ์เกี่ยวกับเรื่องของ ผลประโยชน์ทับซ้อน ที่จะตามมาภายหลัง โดย นักเตะ สแปนิช ไม่ได้มองว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นทันที หรือในเวลาอันสั้น แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน โปรเจคต์ ที่จะตามมาอีกหลายโปรเจคต์ใน 2-3 ปีข้างหน้า
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นการทำงานร่วมกัน ผมกำลังมีส่วนช่วยในเรื่องของการรับรู้ของผู้คนภายนอกว่า สโมสรกำลังทำอะไรอยู่ ช่วยเหลือด้านการตลาด ช่วยประชาสัมพันธ์ และช่วยสร้างเครือข่ายให้กว้างขึ้น อย่างที่ผมบอก มันคือการช่วยเหลือในแบบที่ผมสามารถทำได้ พวกเขาคือตัวอย่างที่ดี ลงเล่นฟุตบอลอาชีพในระดับ ลีก ทู และพวกเขากำลังเติบโตขึ้นในทุกวัน หากวันหนึ่งพวกเขาสามารถยกระดับทีมมาเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้ ผมคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีแน่ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่”
ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศการเป็นหุ้นส่วนของสโมสร เบลเลริน ประกาศความชัดเจนในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเขาจะปลูกต้นไม้จำนวน 3,000 ต้น ทุกครั้งที่อาร์เซนอล เอาชนะได้ในเกมการแข่งขันช่วงหลังการระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยทำงานร่วมกับ องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ชื่อว่า “One Tree Planted” ซึ่งเบลเลริน รวมถึงแฟนบอลที่สนับสนุนแนวคิดนี้ช่วยให้ มีต้นไม้มากกว่า 50,000 ต้นเพิ่มขึ้นในป่าฝนในแถบลุ่มน้ำ อเมซอน
นอกจากนี้ เขายังมี พอดแคสท์ ส่วนตัวที่ชื่อว่า “More Than A Footballer” ซึ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเรื่องราวในสังคมอีกหลายเรื่อง โดยมีผู้ร่วมรายการ แวะเวียนมาพูดคุยกับเขา อย่างเช่น มาติเยอ ฟลามินี่ อดีตเพื่อนร่วมทีมอาร์เซนอล ซึ่งตอนนี้ลงทุนในส่วนของบริษัทเกี่ยวกับ พลังงานทดแทน รวมถึงเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้ส่วนผสม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็เคยมานั่งคุยกับเขาแล้ว
“ผมคิดว่าการที่ผมได้มานั่งคุย หรือทำอะไรนอกสนามอย่างที่ผมต้องการ เป็นเหมือนการชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเอง และช่วยผมในเรื่องของการเล่นในสนามได้ คุณอาจเคยได้ยินนักกีฬาหลายคน หมกหมุ่นกับชัยชนะ หรือเกมการแข่งขัน อย่างเช่น ไมเคิล จอร์แดน ผมก็คิดว่า หรือผมอาจเป็นนักฟุตบอลที่รู้สึกแบบนี้นะ ผมรู้สึกดีที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัว ได้เห็นภาพโลกกว้างที่มากกว่าการเป็น นักเตะ อาชีพ ได้เห็นเรื่องราวนอกสนาม ผมไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของ การเล่นดนตรี หรือเสื้อผ้ ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่มันลึกกว่านั้น เรื่องของสังคม ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในโลก”
“โลกของเราที่กำลังเป็นอยู่ มันเต็มไปด้วยความประนีประนอม ปล่อยผ่านหลายเรื่องมากในชีวิต ผมคิดว่ามันไม่ดีเลยกับโลกของเรา เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือก แต่เราก็จะเลือกทางที่มันง่ายที่สุด อย่างเช่นการใช้งาน พลาสติก การเดินทางที่เร็วที่สุด แม้จะมีทางเลือกอื่นก็ตาม สิ่งที่เรากำลังมองหาไม่ใช่ให้สังคมทำให้ดีกว่าเดิม แต่กำลังมองถึงในอุตสาหกรรมในภาพใหญ่มีทางเลือกมากขึ้นให้เรา”
ก่อนหน้านี้ ก็มี นักเตะ หลายคนออกมาทำหน้าที่มากกว่า นักเตะอาชีพ หนึ่งคน อย่างเช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับ โครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในอังกฤษ ให้มีต่อไป ในช่วงที่มีการตัดงบประมาณในช่วงโควิด-19
“มาร์คัส เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน กับคนที่อยากทำให้สังคมดีขึ้นกว่าเดิม และผมเคารพในเรื่องนี้ของเขามาก ทุกวันนี้เขาเป็น นักเตะอาชีพ มีรายได้มากมาย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากให้สังคมมันเลวร้ายไปกว่าเดิม”
“ผมเคยคุยกับ บูคาโย่ ซาก้า เขาถามผมว่า ทำไมผมถึงไปปลูกต้นไม้ด้วย มันเป็นคำถามแบบตรงไปตรงมาของ เด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน ผมจึงคุยกับเขาว่า ทำไมผมถึงเลือกทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเรื่องของการสร้างงานให้กับผู้คน ที่จะลงไปพัฒนาสิ่งแวดล้อม เราก็ยังได้ช่วยเหลือฟื้นฟูป่าอีกด้วย พอเราคุยกันจบ ซาก้า ก็เห็นด้วยกับผม และเขาก็อยากบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือโครงการ”
“เราไม่ใช่เพียงแค่ นักฟุตบอลอาชีพ เราเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งไม่ต่างจากอาชีพอื่น เราทุกคนมีสิทธิ์คิด และแสดงความคิดเห็น ผมหวังว่านักกีฬาจะออกมาสร้างสังคมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี หรือว่าช่วยลดปัญหาให้น้อยลง เพื่อให้โลกเราก้าวต่อไปได้”
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยกับ “ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส”