ว่าด้วยเรื่อง “หมวกทีมชาติ”

เรื่องราวของสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นเรื่องราวของทีมชาติกันต่อไปนะครับ ฟุตบอลโลก ในโซนยุโรป ซึ่งต้องการ 13 ทีม ณ เวลาที่กำลังเขียนเรื่องราวนี้ เหลืออีก 1 เกมสุดท้ายของรอบคัดเลือก เราจะได้ทราบกันแล้วว่า 10 ชาติใดที่จะการันตีการเข้าสู่รอบสุดท้าย และชาติใดบ้างต้องไปเล่นในเพลย์ออฟ รวมกับอีกสองชาติจากโควตาเนชั่นส์ ลีก เพื่อหาอีก 3 ชาติที่ได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย รวมแล้ว 13 ประเทศจากยุโรป ลุย กาตาร์ 2022 ปลายปีหน้า

ณ เวลานี้ สำหรับโซนยุโรป ก่อนเกมสุดท้ายมีเพียง เดนมาร์ก และ เยอรมัน เท่านั้นที่การันตีที่นั่งในฟุตบอลโลกแล้ว ที่เหลือเกมสุดท้ายยังคงมีความหมายและพร้อมจะพลิกผันได้เสมอ รวมถึง อิตาลี และ อังกฤษ สองชาติที่ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 ก็ยังต้องลุ้นถึงเกมสุดท้าย

แชมป์ยูโร 2020 อย่าง อิตาลี เกมล่าสุดที่ จอร์จินโญ่ พลาดจุดโทษในนาทีสุดท้าย ทำให้พวกเขาไม่ชนะ สวิสเซอร์แลนด์ คู่ปรับสำคัญ และเกมสุดท้ายพวกเขาต้องชนะเท่านั้น โดย อิตาลี ต้องยิงให้เยอะไว้ก่อน เพราะตอนนี้ทั้งสองทีมแต้มเท่ากัน แต่อิตาลีลูกได้เสียมากกว่า สวิสเซอร์แลนด์ 2 ประตู เกมสุดท้ายพวกเขาต้องออกไปเยือน ไอร์แลนด์เหนือ ส่วน สวิสเซอร์แลนด์ เปิดบ้านเจอกับ บัลแกเรีย ถ้าสุดท้ายผลคะแนนยังเท่ากัน จะวัดกันที่ลูกได้เสีย ถ้ายังเท่ากันอีกก็จะตัดสินกันที่ประตูรวม ต่อจากนั้นยังมีอีกเยอะ ในการหาทีมเข้ารอบ เอาเป็นว่า อิตาลี อยากเข้ารอบต้องชนะและยิงเยอะไว้ก่อน ไม่งั้นดราม่า อดไปฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกันจะเกิดขึ้นได้

รองแชมป์ยูโร 2020 อังกฤษ อยู่ในสถานการณ์ที่ต่างไป พวกเขานำรองแชมป์กลุ่มอย่าง โปแลนด์ 3 คะแนนก่อนเกมสุดท้าย ที่ต้องลงเล่นพบกับ ซาน มาริโน่ ที่ยังไม่ชนะใครเลยในรอบนี้ อังกฤษ ออกไปเยือนต้องการหนึ่งคะแนนเป็นอย่างน้อย เพื่อการเข้ารอบ แต่ด้วยผลงาน และความเชื่อมั่นที่ผ่านมา ถ้าพวกเขาไม่ประมาทจนน่าเกลียด ภารกิจนี้ลูกทีมของเซาธ์เกต ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง ว่าง่าย ๆ ถ้าอังกฤษพลาดท่าทำแชมป์กลุ่มหลุดมือ “อายกว่า” อิตาลี เยอะก็แล้วกัน

และเรื่องของเราในวันนี้ก็จะมาคุยกันที่เรื่องของ ทีมชาติอังกฤษ กันครับ อังกฤษ “เดอะ ทรีไลอ้อนส์” สิงโตสามตัว ที่มาจากตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ และนำมาใช้เป็นตราของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในเวลาต่อมา พวกเขาจะมีธรรมเนียมปฏิบัติ ที่สื่อไทยสมัยก่อนมักเรียกกันว่า “ผู้ดี” (แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ได้เป็นผู้ดีกันทุกคนหรอกนะ จากประสบการณ์ตรงในการเดินทาง คนดี และคนเลว มีปะปนกันทุกสังคม) สำหรับนักกีฬาที่ได้รับเกียรติการติดทีมชาติอังกฤษ พวกเขาจะมีการมอบ “หมวก” ให้ 1 ใบต่อการติดทีมชาติ 1 ครั้ง หากเราสังเกตดี ๆ เวลานักเตะถูกติดทีมชาติเราจะไม่เรียกว่า ติดมาแล้วกี่เกม (Game) แต่จะเรียกว่ากี่ Caps ซึ่งแปลว่าหมวกแก๊ป มาจากจุดเริ่มต้นนี้

ทำไมต้องเป็นหมวก?

เรื่องนี้ย้อนไปไกลมากครับในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ในยุคนั้นการติดทีมชาติของประเทศอังกฤษ หรือ สกอตแลนด์ หรือในหลายประเทศจะไม่มีการแต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มแบบที่ทุกวันนี้เราคุ้นตา หรือด้วยมีรถบัสของทีม มีระบบการจัดการแบบทุกวันนี้ สมัยนั้นแม้กระทั่งขุดลำลองของทีมยังไม่มีการจัดการให้ด้วยซ้ำ มีแต่เสื้อแข่งในสนามที่เป็นการบอกว่า “ทีมเดียวกัน” ดังนั้นในช่วงเวลาปกติ หรือระหว่างการเดินทาง อังกฤษ จึงมีการมอบหมวกที่มีตราสัญลักษณ์ของสิงโตสามตัวไว้บนหมวก พร้อมระบุถึงเกมการแข่งขันด้วยว่า หมวกใบนี้ลงเล่นกับทีมชาติอะไร วันที่เท่าไร เป็นเหมือนการยืนยันตัวตนว่านี่คือ นักกีฬาของทีมชาติใด ส่วนของ สกอตแลนด์ จะใช้เป็นเหมือนผ้าคลุม ซึ่งไม่ใช่แค่นักกีฬาฟุตบอลเท่านั้น หลากหลายกีฬาระดับชาติในเครือสหราชอาณาจักร ก็จะได้รับสิ่งเดียวกันนี้เช่นกัน และนานวันไปเข้า คนที่ยิ่งติดทีมชาติบ่อยครั้ง ก็จะได้หมวก และผ้าคลุมมากยิ่งขึ้น ตามจำนวนที่ได้รับใช้ชาติ และต่อมาก็มีหลายชาตินำหมวกไปใช้ในเหตุผลเดียวกัน

30 พฤศจิกายน 1872 เกมระหว่าง สกอตแลนด์ พบกับ อังกฤษ แข่งขันกันที่สนาม แฮมิลตัน เครสเคน ในกรุงกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เกมนั้นจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ซึ่งเกมนี้ได้รับการรับรองจาก ฟีฟ่า ว่าเป็นเกมแรกของทีมชาติในวงการฟุตบอล

จากข้อมูลความรู้ส่วนตัวที่มาจากการสะสมเสื้อฟุตบอล สมัยก่อน นักเตะ อังกฤษ จะไม่ค่อยได้เก็บเสื้อฟุตบอลมากนัก แต่พวกเขาจะเก็บหมวกทีมชาติเอาไว้เป็นที่ระลึก หรือหากเก็บเสื้อก็มักจะตัดเพียงตรงตราทีมชาติอังกฤษ ซึ่งจะมีการปักรายละเอียดในเกมที่ตนเองได้ลงเล่น (Match Detail) ไว้ใต้ตราสิงโตสามตัวเก็บไว้เพียงเท่านั้น ด้วยว่านี่คือเกียรติยศของตนเอง และครอบครัวให้ลูกหลานภูมิใจว่าครั้งหนึ่งคนในครอบครัวคือนักกีฬาทีมชาติ มาแล้ว

“หมวกทีมชาติ” คือ “ความภูมิใจ”

พูดถึงในวงการฟุตบอล หลังจากผ่านห้วงเวลายาวนาน “หมวกทีมชาติ” เริ่มที่จะไม่จำเป็นอีกต่อไป ไม่ได้มีการมอบให้กันทุกเกมแบบเมื่อก่อน เพราะเราสามารถแยกแยะได้แล้วว่า ชาติไหน คนไหนลงเล่นกับทีมใด แต่ก็ยังมีบางชาติยังคงมอบหมวกทีมชาติให้เป็นของที่ระลึกกับ นักเตะ ที่ผ่านเกมทีมชาติ แต่อาจจะไม่ได้มอบให้ทุกเกม โดยมอบให้เพียงเกมแรกของนักเตะคนนั้นที่ได้รับการลงเล่นทีมชาติ หรือมอบให้กับนักเตะทุกคนเมื่อได้รับการเลือกลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างเช่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไปจนถึงในวาระพิเศษอย่างเช่น หมวกที่มีการปักตัวเลข 100 ของ เดวิด เบ็คแฮม ที่สมาคมฟุตบอลมอบให้กับเขาในวาระครบรอบ 100 เกมของ เบ็คส์ ในปี 2008 ซึ่งเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นกับ แฟรงค์ แลมพาร์ต, แอชลีย์ โคล, เวยน์ รูนีย์ รวมถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ด้วยเช่นกัน ในวันที่ครบ 100 เกมของพวกเขาเช่นกัน

ปัจจุบัน อังกฤษ ยังคงมอบ “หมวกทีมชาติ” ให้กับ นักเตะ อังกฤษ ที่ลงเล่นทีมชาติเป็นเกมแรก โดยมีการระบุตัวเลขอันหมายถึงคนที่เท่าไรที่ได้ลงเล่นในเกมทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ โดยล่าสุด เอมิล สมิธ โรว์ (21 ปี สัญญาถึงกลางปี 2026) คือ นักเตะคนที่ 1,264 ของประเทศที่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลมาแล้ว 158 ปี ซึ่ง “อีเอสอาร์” ลงเล่นในเกมพบกับ อัลแบร์เนีย เป็นเกมแรกของตนเองในนามทีมชาติ ในขณะที่ อารอน แรมสเดล (23 ปี สัญญาถึงกลางปี 2025) นายทวารเพื่อนร่วมทีม แม้จะติดอยู่ในทีมชาติอังกฤษแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ลงสนามก็ยังจะไม่นับว่า “ติดทีมชาติ” อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ “หมวกทีมชาติ” ก็จะมีหลายสีหลายแบบตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจนมาถึงแบบล่าสุดเป็นสีแดงล้วนตัดด้วยเส้นสีเงินตามภาพ เรียกว่าดีไซน์คลาสสิกแอบเชยเล็กน้อย แต่ก็คือ “ความภูมิใจ” สำหรับคนที่ได้รับว่าครั้งหนึ่งดีพอที่จะได้รับหมวกใบนี้…หมวกที่บอกว่าครั้งหนึ่งคุณคือ “ทีมชาติ” มาแล้วนั่นเอง