เรื่องของการปาสิ่งของลงมาในสนามจากแฟนบอล เป็นเรื่องผิดกฎที่มักเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และเกิดขึ้นในหลายลีก แต่ในระยะยหลัง พรีเมียร์ ลีก เริ่มมีถี่ขึ้นบ่อยขึ้นมาก ซึ่งที่ผ่านมา ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอะไรจากการกระทำดังกล่าว หรือหลายครั้งนักเตะก็มองเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์ล่าสุดนี้ กลับไม่สนุกอีกต่อไป
แมทธิว โลว์ตัน (32 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) กลายเป็นเหยื่ออารมณ์ที่คราวนี้ ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่ แมกซ์เวลล์ คอร์เนท กองหน้าเพื่อนร่วมทีมของเขายิงประตูตีเสมอได้ในเกมพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และแสดงความดีใจต่อหน้าแฟนบอลของ ลีดส์ ซึ่งแน่นอน โลว์ตัน ก็เข้าไปดีใจกับเพื่อน แต่สุดท้ายกลับโดนขวด “โค้ก” ปาเข้าใส่อย่างจัง และต้องเข้ารับการปฐมพยาบาลระยะเวลาหนึ่งก่อนกลับมาลงเล่นต่อได้ และเจ้าหน้าที่ทีมมีการเคลียร์สนาม ซึ่งมีของหลายอย่างปาลงมาด้วย ก่อนกลับมาลงเล่นต่อซึ่งเกมนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ “ยูงทอง” 3-1
“มันไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไป” เพราะตามรายงานจาก เดลี เมล์ ระบุว่า มันเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ แฟนบอล ลีดส์ มีกรณีในลักษณะเดียวกัน ทั้งในเกมพบกับ เอฟเวอร์ตัน, วูลฟ์ส, เบรนท์ฟอร์ด และ อาร์เซนอล ซึ่งในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด เซร์กี้ คานอส นักเตะทีมเยือนก็โดนในลักษณะเดียวกันหลังจากยิงประตูได้ในเกมนั้น ส่วน อารอน แรมสเดล นายทวารอาร์เซนอล กล่าวติดตลกว่า หลังการดีใจของเขาในเกมนั้น และแฟนบอลลีดส์ ปาสิ่งของลงมาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือเงิน ที่เขาบอกว่าเก็บได้ 17 ปอนด์ จากในสนามที่แฟนบอลปาลงมาใส่เข้าด้วยความไม่พอใจ และเกิดกับปืนใหญ่ มีแฟนบอล ลีดส์ ยูไนเต็ด ส่วนหนึ่งโดนจับหลังจากทำการตะโกนเหยียดผิวนักเตะปืนใหญ่
แน่นอนประเด็นนี้ ถูกวิจารณ์กันไปในมุมกว้างเกี่ยวกับ อารมณ์ของแฟนบอล ที่เริ่มเลยเถิดกันมากขึ้น ซึ่ง ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมเดียวที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ แฟนบอล อาร์เซนอล เองก็เพิ่งทำในสิ่งเดียวกัน หลังการเข้ามาดีใจต่อหน้าแฟนบอลปืนใหญ่ของ โรดรี้ ซึ่งยิงประตูชัยในเกมชนะปืนใหญ่ถึงถิ่น 2-1 เกมนั้นมีการระบุว่า มีแม้กระทั่ง “ขนมพาย” ปาลงมาในสนาม แม้สุดท้ายจะไม่มีอะไรอันตราย แต่ พรีเมียร์ ลีก ก็ต้องออกมากล่าวตักเตือนแฟนบอล รวมถึง นักเตะ ในเรื่องของการระมัดระวังในการแสดงความดีใจ ต่อหน้าแฟนบอลทีมคู่แข่ง
พอล โรบินสัน อดีตนายทวารทีมชาติอังกษของที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพของตนเองกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และสเปอร์ส กล่าวเกี่ยวกับในประเด็นนี้ได้น่าสนใจ
“การปาขวด หรืออะไรลงไปในสนาม มันคือความผิดที่ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น มันชัดเจนอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน นักเตะก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า แฟนบอลทีมไหนอยู่ตรงไหนในสนาม มันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปแสดงความดีใจต่อหน้าแฟนบอลทีมอื่น โรดรี้ และ คอร์เนท ต่างทำแบบนั้นต่อหน้าแฟนบอลทีมคู่แข่ง ซึ่งผมไม่คิดว่ามันช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยสักอย่าง ส่วนใครที่ทนไม่ไหว จนต้องปาของลงมาในสนาม แน่นอนมันไม่ควรทำ แต่หากคุณทำมัน ไม่ว่าใครก็ตามหากจับได้ว่าทำ เขาควรโดนแบนออกจากสนามไปเลย”
“สิ่งที่ผมอยากบอกคือ นักเตะ รู้ตัวอยู่แล้วว่ากำลังทำอะไรลงไป และรู้เช่นกันว่าตรงไหนที่พวกเขาควรฉลองประตู หรือชัยชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรยากาศของเกมที่กดดันมาก ๆ คุณย่อมต้องเจอการต้องรับที่ไม่เป็นมิตร และมันก็พร้อมจะมีปัญหา ทางที่ง่ายที่สุดคือ คุณเล่นกับทีมไหน ไปดีใจกับสิ่งที่คุณทำกับแฟนบอลของคุณมันก็เท่านั้น”
ที่ผ่านมา พรีเมียร์ ลีก ไม่ค่อยได้เจอกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้มากนัก ต่างจากใน ลา ลีกา, เซเรีย อา และที่หนักที่สุดคือ ลีก เอิง ซึ่งเกิดขึ้นกับ โอลิมปิก มาร์กเซย์ และ ดิมิทรี ปาเยต์ กัปตันทีมโอแอม หลายครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งในเรื่องของ ปาเยต์ นั้นมีประเด็นเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่สำหรับใน พรีเมียร์ ลีก แม้จะเกิดเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง พรีเมียร์ ลีก ก็ยังไม่มีการออกมาตรการ หรือบทลงโทษใดเข้ามาจัดการในเรื่องนี้อย่างจริงจังมากนัก และแน่นอนว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป บรรยากาศก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ นักเตะ ต้องระวังตัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับการเล่นในฐานะของทีมเยือน
ที่ผ่านมา พรีเมียร์ ลีก รณรงค์อย่างมากในเรื่องของ “No room for racism” หรือการต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่ง นักเตะ พรีเมียร์ ลีก หลายคนก็ไม่คิดว่ามันจะช่วยได้อย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นคือ วิลฟรีด ซาฮา ที่ไม่คุกเข่าก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เพราะมองว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย ในเคสเดียวกันนี้กับเรื่องของแฟนบอลก็มองว่าไม่ต่างกัน นักเตะ ต้องระวังตนเองให้มากในเรื่องของการแสดงออกในสนาม ขณะที่ผู้ชมในสนามจำนวนมาก เมื่ออยู่รวมกันจะเกิด อารมณ์ร่วมกับเกมการแข่งขันได้ง่ายมากเป็นปกติอยู่แล้ว และทุกอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อมี “ผู้เริ่มต้น” อย่างกรณี ปาสิ่งของลงไปในสนาม ลองถ้ามีคนแรกแล้ว มันจะไม่จบเพียงแค่คนเดียวอย่างแน่นอน เหมือนกับกรณีที่มักจะมีการวิ่งลงไปในสนามของเหล่าแฟนบอล ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเสมอ ๆ แม้กระทั่งในระดับฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศก็เคยมีการทำมาแล้ว
ดังนั้น พรีเมียร์ ลีก หากต้องการดูแลนักเตะจริง จำเป็นต้องตักเตือนนักเตะในทุกสโมสรในเรื่องของการ “ยั่วยุ” ต่อแฟนบอลให้มาก ไม่ว่าจะด้วยความสะใจ ตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม เพราะหากนักเตะไม่ชอบที่ให้ใครมายั่วยุ หรือกระทั่ง “เหยียด” สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หยุดแสดงพฤติกรรมยั่วยุ กับคู่แข่ง หรือแฟนบอลของคู่แข่งเป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับเรื่องของมาตรการในการลงโทษผู้กระทำผิดภายในสนามที่ชัดเจน และต้องมองเป็น “ภาพใหญ่” ขององค์กรในการจัดการ อย่างน้อยก็น้อยลงไปสักนิดก็ยังดี เพราะคงไม่สามารถทำให้มันหายไปหมดจากวงการฟุตบอลได้อย่างแน่นอน และการกระทำเหล่านี้ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ “ควบคุมไม่ได้” แต่สามารถรับมือได้หากเกิดขึ้น และต้องทำอย่างจริงจัง ขึ้นกับว่า พรีเมียร์ ลีก จริงจังหรือเปล่า หรือมองเป็นแค่ “ส่วนหนึ่งของเกม” และปล่อยให้มันผ่านไป
วันนี้โชคดีแค่เจ็บเล็กน้อย แต่ในอนาคตหากรุนแรงกว่านี้ จะได้ไม่ต้อง “ล้อมคอก” กันให้วุ่นวายกันทีหลัง