เป็นประเด็นร้อนในกลางดึกของเมื่อวานนี้ หลังจาก สกาย สปอร์ต รายงานระบุว่า แฮร์รี่ เคน (27 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) กองหน้ากัปตันทีมได้ตัดสินใจแจ้ง สเปอร์ส ต้นสังกัดว่า เขาต้องการย้ายออกจากทีม
เคน เข้าสู่ระบบเยาวชนของสเปอร์ส มาตั้งแต่ปี 2004 หลังโดนปล่อยออกมาจากทีมเยาวชนของ อาร์เซนอล ก่อนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ สเปอร์ส ในอีก 5 ปีต่อมา และนับเป็นผลผลิตของทีมเยาวชนสโมสรที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีหลังสุดของสโมสร ต่อจาก เลดลีย์ คิง ซึ่งรายหลังผลงานดีแต่โชคร้ายบาดเจ็บเรื้อรัง และต้องเลิกเล่นก่อนวัยอันควร
เคนประเดิมสนามในพรีเมียร์ ลีก ในฤดูกาล 2012-2013 ลงเป็นตัวสำรองพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ก่อนจะใช้เวลาที่เหลือของฤดูกาลนั้น ไปเล่นกับ นอริช ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในแบบยืมตัว หลังจากนั้นก็พัฒนาตัวเองกับ สเปอร์ส เรื่อยมาจนถึงวันนี้ฤดูกาลที่ 9 ที่ลงเล่นในลีกสูงสุด การันตีผลงานด้วย ดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ ลีก 2 สมัย (2015-2016 และ 2016-2017)
ผลงานที่โดดเด่นของเขา และเข้าสู่ช่วงรอยต่อการอำลาทีมชาติอังกฤษของ เวย์น รูนีย์ ทำให้ เคน ก้าวเป็นตัวหลัก “ยืนหนึ่ง” กองหน้าตัวเป้าของทีมชาติ มาตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ผ่านศึกฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 2018 ที่ อังกฤษ ทะยานไปถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นอันดับดีที่สุดนับจากปี 1990
ศักยภาพที่โดดเด่น ทั้งในฐานะของหน้าเป้าร่างใหญ่ จังหวะสังหารเฉียบคม และยังสามารถเป็นหลักในแดนหน้าดึงกองหลังคู่แข่ง และเชื่อมเกมในพื้นที่ด้านบนได้เยี่ยม เคนยืนระยะการเป็นหน้าเป้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ ลีก ในช่วง 5 ปีหลังสุด
“เขาเล่นได้ดูเป็นธรรมชาติมากในการยิงประตู อายุน้อย สภาพร่างกายดี และทัศนคติเยี่ยมาก ผมชอบที่เขาพร้อมวิ่งไล่ตามกองหลังเพื่อหาบอล แม้จะต้องวิ่งเยอะแค่ไหนก็ตาม เพื่อควาหาโอกาส ซึ่งเมื่อเขาได้มาเขาก็ทำให้มันจบลงด้วยความยอดเยี่ยม” อลัน เชียเรอร์ ดาวยิงรุ่นพี่ทีมชาติอังกฤษ กล่าวถึง เคน
ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ เคนลงเล่นไปทั้งสิ้น 334 เกม 220 ประตู 46 แอตซิสต์ โดยในฤดูกาลนี้ เคนทำไป 27 ประตูในทุกรายการ (22 ประตูในพรีเมียร์ ลีก) แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือเรื่องของ แอตซิสต์ ซึ่งเขาทำไปถึง 15 ครั้งในทุกรายการ (13 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก) ซึ่งเขาประสานงานกับ ซอน ฮึน-มิน สตาร์เกาหลีใต้ได้อย่างเข้าขากันอย่างยิ่ง
เขามาเล่นชุดใหญ่ 9 ปี สเปอร์ส เข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย 3 ครั้ง แบ่งออกเป็น ลีก คัพ 2 ครั้ง และแชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง ส่วนในลีกเคยทำได้สูงสุดคือ รองแชมป์ ในฤดูกาล 2016-2017 เท่านั้น
มองถึง ศักยภาพ ความสามารถ และผลงานส่วนตัว หากอยู่ในทีมที่องค์ประกอบทีมยอดเยี่ยมกว่านี้ หรือมีเรื่องของโชคเข้ามาเกี่ยวข้องสักเล็กน้อย เคน จะมีแชมป์ติดมืออย่างแน่นอน กอปรกับ ผลงานของสเปอร์ส ที่ยังเดินไปเท่าไรก็ไม่ถึงเสียที รวมถึงในฤดูกาลนี้ที่ เคน และ แฟนสเปอร์ส ยังต้องรอความสำเร็จในเรื่องถ้วยรางวัลต่อไปอีกหนึ่งปี
“ไม่แปลกใจที่เขาต้องการย้าย ผมคว้าแชมป์มากกว่าเขาอีกตอนอายุเท่ากัน” รามอน เวก้า อดีตกองหลังสเปอร์ส กล่าวถึง กองหน้ารุ่นน้องสังกัดเดียวกัน
นักเตะอาชีพ ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น อาชีพ ความสำเร็จในหน้าที่การงานก็คือเรื่องของ โทรฟี่แชมป์ ที่จะอยู่ติดตัวตลอดไปจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่ความภักดี (Loyalty) ก็เป็นเรื่องที่มีเช่นเดียวกันในทุกวงการอาชีพ แต่ว่ากันตามสภาพการณ์แล้ว การเป็น นักกีฬาอาชีพ นั้นเรื่องของความภักดี มักจะถูกมองเห็นได้ชัดเจน และกล่าวถึงมากกว่า อาชีพอื่นในสังคม เพราะทุกอาชีพ กับการย้ายงาน เป็นเรื่องปกติ ทุกคนต้องหาทางเลือกที่ดีกว่า สบายใจกว่า รายได้มากกว่า อำนาจการตัดสินใจสูงกว่า หรืออะไรก็ตามแต่เหตุผลในการเลือกที่จะ “ไป”
เคน ในเวลานี้หากมีใจจะ “ไป” เขาอาจมีเหตุผลเป็นสิบข้อในการย้ายออก และในทางกลับกัน เขาอาจมีเหตุผลข้อเดียวหากเขาอยากจะอยู่กับสเปอร์ส ขึ้นกับใจของเขาล้วน ๆ
เราได้เห็น นักเตะ หลายคนเลือก “เกียรติยศเหนือความภักดี” และ “ความภักดีเหนือเกียรติยศ” มาแล้วหลายต่อหลายคน
เคสของ โรบิน ฟาน เพอซีย์ อดีตกองหน้าอาร์เซนอล น่าจะเป็นเคสตัวอย่าง “เกียรติยศเหนือความภักดี” ที่เห็นภาพชัดเจนมากเคสหนึ่ง เมื่อตนเองอยู่กับ อาร์เซนอล มา 7 ปีแล้ว ทีมไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องของการคว้าแชมป์ได้ เมื่ออายุที่มากขึ้นทุกวัน มันไม่อาจรอให้ทีมประสบความสำเร็จได้ การย้ายออกจากทีม ไปหาทีมที่องค์ประกอบพร้อมกว่า มันเป็นทางเลือกที่จะสานฝันไปให้ถึง และเขาก็เลือก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมใจอยาก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาทางอ้อม นอกจากความสำเร็จ ก็คือเสียงวิจารณ์เชิงลบ และการไม่เป็นที่ต้อนรับของแฟนบอล อาร์เซนอล กลุ่มหนึ่งที่ไม่ปลื้มเขากับการหักหาญย้ายไปร่วมงานกับ อริ อย่าง ปีศาจแดง มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และทุกวันนี้ เมื่อพูดถึง ฟาน เพอซีย์ เขาไม่ใช่ ตำนานสโมสร อาร์เซนอล สำหรับใครหลายคน แต่เขาคือ นักเตะที่เก่งมากคนหนึ่งที่เคยลงเล่นกับ อาร์เซนอล นั่นก็คือความจริงที่จับต้องได้
เคสของ อลัน เชียเรอร์ คือตัวอย่างของ “ความภักดีเหนือเกียรติยศ” เมื่อ “ฮอตชอต” ปฏิเสธแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองครั้งสองครา และเลือกย้ายไปยังบ้านเกิดที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เขามีชีวิต 10 ปีในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค อย่างยิ่งใหญ่ มีรูปปั้นของตนเองหน้าสโมสรกลางเมืองนิวคาสเซิ่ล เป็นฮีโร่ของเมืองนี้ ตราบจนวันสุดท้ายของการเล่นฟุตบอลอาชีพ ต่อให้ นิวคาสเซิ่ล ผลงานแย่แค่ไหน หรือบินสูงเพียงใด ผลงานของ เชียเรอร์ ก็คือ สัญลักษณ์ของความหวังของทีมเสมอ แต่สุดท้ายแล้ว 10 ปี ผลงานของทีมจบลงด้วยการไม่มีความสำเร็จใดเลยติดมือ
ด้วยวัย 27 ปี นี่คือช่วงเวลาที่กำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตการเล่นฟุตบอล ทั้งความสามารถ ประสบการณ์ มาพร้อมกันในช่วงเวลานี้ อยู่ที่ว่า เคน อยากเอาช่วงเวลา 3-4 ปี นับจากนี้ไปใช้กับสโมสรใดเท่านั้น และในวันที่เขาเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาต้องการให้คนจดจำเขาในแบบใด
สเปอร์ส ณ เวลานี้ยังคงถือความได้เปรียบในเรื่องของสัญญาที่เหลือมากถึง 3 ปี และคงต้องมีการโน้มน้าวกันยกใหญ่ ควบคู่ไปกับการหาผู้จัดการทีมคนใหม่ที่มีศักยภาพมากพอในการจะพา สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ อย่างน้อยก็ในความคิดของเคน แต่หากการโน้มน้าวใจไม่ราบรื่น การย้ายทีมเพื่อเรียกค่าตัวสูงที่สุดของเคน จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยมีชื่อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี คือสามสโมสรที่อยากได้ตัวเขา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : มีข่าวกับเขามาโดยตลอด แต่เพิ่งต่อสัญญา เอดินสัน คาวานี่ ออกไปอีกหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม เคน คือทางเลือกระยะยาวของทีมในฐานะกองหน้าตัวเป้า คาวานี่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการขวางทางการย้ายทีม ส่วน อองโตนี่ มาร์กซิยาล ผลงานน่าผิดหวังในระยะหลัง จะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากทันที หากการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้น
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : การเตรียมอำลาของทีมของ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ คือการเปิดทางสำหรับกองหน้าคนใหม่อย่างน้อยหนึ่งคนเข้ามาสู่ทีม ขึ้นกับกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สนใจตัวเขา หรือ เออร์ลิง เบร้าส์ ฮาแลนด์ มากกว่ากัน
เชลซี : ติโม แวร์นเนอร์ ผลงานไม่เข้าเป้า, แทมมี่ อับราฮัม ยังไม่ใช่คนที่จะฝากความหวังได้ทั้งฤดูกาล ขณะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ อยู่ในช่วงปลายอาชีพการค้าแข้ง ทั้งสามคนยิงในลีกปีนี้รวมกันเพียง 16 ประตูเท่านั้น หรือหากจะรวม ไค ฮาแวร์ซ ที่เชลซี ชอบใช้งานเป็นกองหน้าในระยะหลังก็ยิงรวมกันเพียง 20 ประตู น้อยกว่าเคน (22 ประตู) เพียงคนเดียวที่ยิงให้กับสเปอร์ส
แต่ประเด็นคือทีมไหนล่ะ จะได้ตัวเขาไป ในราคาที่เท่าไร…ทีมไหนล่ะจะได้ “พายุ แฮร์ริเคน” ลูกนี้ไปครอบครอง ต้องติดตามกันต่อไปครับ