ร็อบ โฮลดิ้ง (25 ปี; อังกฤษ สัญญาถึงกลางปี 2023) กลายเป็นหนึ่งในนักเตะ กองหลัง ตัวหลักของ อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขามีสองฤดูกาลที่แสนสาหัสไม่น้อย กับการเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บ
5 ธันวาคม 2018 ในเกมพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โฮลดิ้ง กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ณ.เวลานั้น ได้รับบาดเจ็บระหว่างเกมการแข่งขัน
เอ็นไขว้หน้าด้านหัวเข่าเกิดการฉีกขาด และนั่นทำให้เขาต้องพักยาวนานถึง 10 เดือนเต็ม
“ตอนที่เกิดเรื่อง ผมคิดแล้วล่ะว่า มันเป็นอาการบาดเจ็บหนักแน่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นการเดินทางยาวนานกับการต่อสู้เพื่อรับมือกับอาการบาดเจ็บ และกลับมาลงสนามอีกครั้งให้จงได้”
24 กันยายน 2019 ร็อบ โฮลดิ้ง กลับมาสู่สนามหญ้าแห่งความฝันอีกครั้ง เกือบหนึ่งปีที่หายไป เขากลับมาอีกครั้ง และยิงประตูแห่งการกลับมาลงเล่น อีกครั้ง ก่อนที่จะต้องบาดเจ็บอีกครั้งเป็นระยะเวลาหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่จาก อูไน อเมรี่ มาจนถึง เฟรดริก ลุงเบิร์ก และ มิเคล อาร์เตต้า การเปลี่ยนแปลง ผู้เป็นนายเกิดขึ้นสามครั้งในเวลาเพียงสองเดือน สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับคนที่เพิ่งหายจาก อาการบาดเจ็บหนัก เช่นเขา นี่คือ ความท้าทาย แลการพิสูจน์ตนเอง ซึ่งต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของเขา แต่อย่างใด เพราะตลอดชีวิตของ โฮลดิ้ง เรียนรู้ที่จะลงเล่น ต่อสู้ และพิสูจน์ตัวเอง มาตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ปี
โฮลดิ้ง เกิดในเมืองที่ชื่อ สตาลีย์บริดจ์ ซึ่งอยู่ในย่าน เทมไซต์, เกรทเทอร์ แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลครั้งแรก ในโรงเรียนของเขาเอง และในย่านที่เขาเกิดมีทีมฟุตบอลที่ชื่อว่า สตาลีย์บริดจ์ เซลติก จูเนียร์ส ซึ่ง โฮลดิ้ง เข้าร่วมทีมนั้นตอนอายุเพียง 6 ปีเท่านั้น
สตาลีย์บริดจ์ เซลติก จูเนียร์ส เป็นสโมสรฟุตบอลแบบอาสาสมัคร มาช่วยกันสอนฟุตบอล มีเด็กเข้ามาอยู่ในทีมนี้เป็นจำนวนมากกว่า 300 คน แบ่งออกเป็น 29 ทีมด้วยกัน เด็กเหล่านี้จะมาเล่นฟุตบอล แข่งฟุตบอล โดยที่พวกเขาจะถูกจับตามองโดย แมวมองของสโมสรฟุตบอลในย่านนี้ เพื่อค้นหาว่า เด็กคนไหน มีศักยภาพมากพอที่จะสามารถ เลือกเข้าสู่สโมสรฟุตบอล เพื่อนำไปพัฒนาความสามารถต่อไป
ร็อบ โฮลดิ้ง คือหนึ่งใน เด็ก ที่มีแววในมุมมองของแมวมองหลายสโมสร
“ตัวสูง มีความแข็งแรง และมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัวเอง” นี่คือนิยามที่แมวมองในเวลานั้น ระบุถึงเด็กวัยเพียงไม่ถึง 10 ปีเต็ม
“หลายคนเดินเข้ามาบอกผม และชื่นชมเด็กคนนี้ให้ผมฟังบ่อยครั้งว่า เด็กคนนี้มีแววจะเป็น นักฟุตบอลที่ดีได้” แกรี่ เพียร์ซ อดีต ประธานสโมสร สตาลีย์บริดจ์ เซลติก จูเนียร์ส กล่าว
“แต่ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ส่งทีมงานมาดู เขาลงเล่น ทุกสัปดาห์ จนกระทั่งสัปดาห์หนึ่ง พวกเขาก็ตัดสินใจ แจ้งมาถึงเรา และครอบครัวโฮลดิ้ง ว่าพวกเขาสนใจอยากได้ตัว ร็อบ เข้าทีมเยาวชนของสโมสร นับจากนั้นมันเป็นเรื่องราวที่คุณอาจจะพอรู้มาบ้างแล้ว”
“เรามีเด็กเยาวชนหลายคนได้รับความสนใจจาก แมวมองของหลายสโมสร พวกเขาให้โอกาส เด็กเหล่านั้น ได้เข้าสู่ทีมเยาวชน แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดเลย ตรงข้ามกับ ร็อบ เขาทำได้ดีมาก และมันมีไม่มากนักหรอกที่จะได้เห็น เด็กคนหนึ่งที่เคยอยู่กับเราได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ผมอยู่ที่นี่มา 27 ปี ร็อบ โฮลดิ้ง เป็นคนแรก ที่ทำได้ มันคงเป็นความฝันที่งดงามของเขา ที่ได้ลงเล่นในระดับสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ”
แต่กว่าจะถึงตรงจุดนั้น โฮลดิ้ง เพิ่งเริ่มต้นการต่อสู้เท่านั้น เขาเข้าสู่ระบบเยาวชนของ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ตอนอายุเพียง 7-8 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็พัฒนาตนเองมาอย่างต่อเนื่องกับทีม แต่แล้วเมื่ออายุ 19 ปี วัยของเขามากพอที่จะลงเล่นในทีมชุดใหญ่ได้แล้ว และเขาก็ได้รับโอกาสนั้นในเกมพบกับ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน
อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่า เขาเป็น นักเตะ ที่ฟอร์มไม่ค่อยแน่นอนเท่าไรนัก และเกิดคำถามที่ว่า เขาดีพอจะขึ้นเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ โบลตัน ได้ต่อเนื่องหรือไม่
ในเดือนมีนาคม 2015 เขาถูกส่งให้ บิวรี่ ยืมตัว และที่นั่นเขาได้รู้จักกับ นายทวารคนหนึ่ง ซึ่ง ณ.เวลานี้ คือ นายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่ชื่อว่า นิค โป๊ป นั่นเอง ชีวิตที่ บิวรี่ ของเขาจบลงด้วยการเล่นไปเพียง 11 นาทีเท่านั้น ตลอดร่วมสามเดือนที่นั่น
การกลับมาสู่โบลตัน ของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เขาจะได้ลงเล่นกับทีมไหม เขาจะโดนขาย หรือปล่อยตัวไปที่ไหนอีกหรือเปล่า คำถามมากมายเกิดขึ้น แต่ทุกคำถามกลายเป็นคำตอบเดียว เมื่อ นีล เลนน่อน ซึ่งปัจจุบันคือผู้จัดการทีม กลาสโกว์ เซลติก ตัดสินใจยื่นสัญญาใหม่ให้กับเขา และนั่นทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปทันที
ฤดูกาล 2015-2016 เขาเริ่มต้นใหม่กับ โบลตัน ด้วยการนั่งสำรองอดทน และหลุดออกจากทีมนานถึง 4 เดือนเต็ม แต่แล้วเมื่อโอกาสมาถึง เขาก็คว้ามันเอาไว้ได้
12 ธันวาคม 2015 ร่วมสามปีก่อนที่เขาจะบาดเจ็บยาวในปี 2018 ร็อบโฮลดิ้ง กลับมาลงสนามกับ โบลตัน เป็นครั้งแรก ในรอบเกือบหนึ่งปี มันคือโอกาสและเขาคว้าเอาไว้ได้ เพราะ นับจากนั้นเขาไม่พลาดการลงเล่นอีกเลย
จนกระทั่งหลุดทีมในนัดสุดท้ายของฤดูกาล พร้อมกับการคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร แต่ โบลตัน จบด้วยการตกชั้น
แม้จะตกชั้น แต่ผลงานของเขาก็ได้รับความสนใจจาก อาร์เซนอล ซึ่ง นีล แบนฟิลด์ อดีตหัวหน้าโค้ชของอาร์เซนอล เคยเห็นเขาลงเล่น และเชื่อว่า โฮลดิ้ง ดีพอจะเล่นในพรีเมียร์ ลีก
“ผมได้รับรายงานจาก สตีฟ โรว์ลีย์ หัวหน้าแมวมองของทีม มันเป็นรายงานที่น่าสนใจมาก เวลานั้นหลายทีมก็สนใจในตัวเขา ผมจำได้เลยว่า สตีฟ มาบอกผมเกี่ยวกับ ร็อบ และเขาก็บอกเลยว่า อยากให้ อาร์เซนอล ได้ตัวเขามาร่วมงานด้วย แน่นอนเขาได้รับการสนับสนุนจาก สตีฟ อย่างมาก ในการที่อาร์เซนอลเลือกเขามาสู่ทีม และ อาร์แซน เวนเกอร์ เมื่อได้ดูฟอร์มของเขาก็เห็นด้วย และนั่นทำให้การเจรจาการซื้อขายเริ่มต้นขึ้น”
โบลตัน ในเวลานั้น ไม่ได้มีความคิดจะปล่อยตัวเขาออกไปเท่าไรนัก เพราะแน่นอนว่า พวกเขาก็อยากเก็บ นักเตะ ที่จะช่วยให้พวกเขาเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาโดยเร็ว อย่างไรก็ตามปัญหาทางด้านการเงินก็ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องปล่อยตัว โฮลดิ้ง ออกมาจนได้
“ผมจำได้ว่าตอนนั้น ฟิล พาร์กินสัน ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ โบลตัน เตรียมทีมไปเข้าแคมป์เก็บตัวช่วงปรีซีซั่นที่สวีเดน เรากำลังจะมีเกมอุ่นเครื่องด้วย แต่แล้ว จิมมี่ ฟิลลิปส์ ซึ่งเป็นทีมงานของโบลตัน มาบอกผมว่า ผมจะไม่ได้ลงเล่น ผมจะไม่ได้ไปสวีเดน”
“ผมสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ได้ไปกับทีมด้วย จนกระทั่ง จิมมี่ บอกว่า ประธานสโมสรเป็นคนสั่งว่าห้ามผมลงเล่น และต่อมาผมถึงได้รู้ว่า อาร์เซนอล อยากได้ตัวผมไปร่วมงานด้วย มันเป็นความรู้สึกสับสนสำหรับผม และค่อนข้างแปลก เพราะตอนแรกผมคิดเพียงว่าผมจะไปปรีซีซั่น แต่แล้วตอนนี้ผมกำลังจะรออะไรสักอย่างให้มันเกิดขึ้น สักอย่างที่ผมก็ไม่สามารถควบคุมมันได้”
เรดดิ้ง เคยยื่นข้อเสนอ 1 ล้านปอนด์มาให้ทีม เพื่อขอซื้อตัวเขาในฤดูกาลที่แล้ว แต่ถูกปฏิเสธกลับมา ต่อมาเป็น บอร์นมัธ และ เอฟเวอร์ตัน ที่สนใจเขา ซึ่งเพิ่งลงเล่นกับ โบลตัน ชุดใหญ่ไม่ถึง 30 เกม กำลังจะย้ายไปสู่ พรีเมียร์ ลีก และ สโมสรที่เลือกเขาคือ อาร์เซนอล
“ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะได้ย้ายมาอาร์เซนอล ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะย้ายไปไหน เวลานั้นผมคิดว่าตัวเองจะเล่นกับ โบลตัน เป้าหมายคือเตรียมทีมให้ดีที่สุด เพื่อลงเล่นในลีก วัน ผมเป็นเด็กใหม่ของทีม ไม่คิดด้วยว่าจะมีใครมาสนใจตัวผม ผมเพิ่งไปเที่ยวประเทศไทย กับเพื่อน 3-4 คน ช่วงพักเบรค และกลับมาที่โบลตันเพื่อเตรียมตัว”
“การย้ายมาอาร์เซนอล คืออะไรที่น่าเหลือเชื่อ และผมปฏิเสธไม่ได้เมื่อ อาร์เซนอล ยื่นข้อเสนอเข้ามา โอกาสมันมาถึงแล้ว ผมก็ต้องคว้าเอาไว้ โบลตันไม่อยากปล่อยตัวผม แต่ปัญหาด้านการเงิน มันคือเรื่องจำเป็นของสโมสร แต่พวกเขาก็ต้องการเงินให้มากที่สุดเช่นกัน และผมดีใจที่ผมสามารถทำเงินให้พวกเขาได้มากระดับหนึ่งเพื่อทีม”
“ผมจำได้ว่า เอเยนต์ และพ่อของผมมานั่งคุยกับผมแล้วบอกว่า ร็อบ นายคิดว่า นายดีพอจะลงเล่นกับ อาร์เซนอล หรือเปล่า ผมตอบไปว่า ได้สิ ผมยังไม่ได้ลองเลย ทำไมผมจะตอบว่าไม่ได้ล่ะ”
การย้ายทีมของ โฮลดิ้ง จบด้วยค่าตัวประมาณ 2 ล้านปอนด์ เขากลายเป็น เด็กใหม่ ที่ได้ทำงานร่วมกับ นักเตะ ระดับโลกมากมายของอาร์เซนอล รวมถึง โค้ช ที่เคยเป็นอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ อย่าง สตีฟ โบลด์ ที่ทำให้เขาก้าวหน้าขึ้น รวมถึงทีมงานที่ช่วยเสริมสร้างเรื่องสภาพร่างกายให้กับเขา
อาการบาดเจ็บในช่วงปลายปี 2018 อาจทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลง แต่ โฮลดิ้ง ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาแกร่งพอที่จะกลับมา กลับมาเพื่อค้นหาโอกาสของตัวเองอีกครั้ง ท่ามกลางกองหลังจำนวนมากของทีมปืนใหญ่ทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่า แต่ โฮลดิ้ง ก็ยังคงอยู่ พร้อมกับความเชื่อมั่นที่ได้รับจาก มิเคล อาร์เตต้า ผู้เป็นนายใหญ่ของทีม
ที่เหลือต่อจากนี้คือ การมุ่งไปข้างหน้า เพื่อมองหาความสำเร็จต่อไปเท่านั้น!