เรื่องใหม่ แก้ไขใหม่ กับ “VAR” และ “พรีเมียร์ ลีก”

หลังจากปีที่แล้ว VAR ของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ สร้างประเด็นให้แฟนบอลถกเถียงกันทุกได้ทุกสัปดาห์ แน่นอนว่า เอฟเอ อังกฤษ ก็ไม่ยอมจะให้โดนด่ากันอีก ฤดูกาลใหม่ก็เลยมีการเปลี่ยนแปลงการใช้งาน VAR ให้มีการใช้งานกันได้ดีขึ้น แน่นอนเป้าหมายคือการให้การตัดสินแม่นยำมากที่สุด

การตีเส้นหนาขึ้นกว่าเดิม (Thicker Lines)

ตรงนี้เรามักจะเห็นกันอยู่แล้วในที่ปีที่แล้ว จะมีการตีเส้นออกมา แต่ในปีนี้จะมีกาทำให้หนากว่าเดิม โดยการทำเช่นนี้เป็นการตกลงร่วมกันของ Professionals Game Match Officials Limited (PGMOL) ซึ่งมีกรรมการอย่าง ไมค์ ไรลีย์ เป็นหัวหน้า โดยมีการประชุมสามัญกันเป็นที่เรียบร้อยใน เดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับข้อมูลจากเหล่าสโมสร พรีเมียร์ ลีก ที่ส่งความคิดเห็นเข้ามาในช่วงปิดฤดูกาลที่แล้ว โดยการกระทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประโยชน์ให้กับผู้เล่นเกมรุกมากกว่าเดิม โดยบอร์ดของสมาคมฟุตบอลนานาชาติ ไม่ได้มีการกำหนดระยะ หรือความหนาของเส้นออกมาอย่างตายตัว

โดยการตีเส้นที่หนาขึ้นน่าจะช่วยให้การตีเส้นในเรื่องของกรณีนิ้วเท้าของ นักเตะ ในการวัดว่าล้ำหน้า หรือไม่ล้ำหน้า ซึ่งมักจะเกิดประเด็นจากความเห็นทั้งจาก แฟนบอล และนักวิเคราะห์เกม แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการบอกว่า ทีมงาน VAR ของ พรีเมียร์ ลีก จะทำให้เส้นหนาขึ้น แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการระบุออกมาว่า จะเส้นหนามากแค่ไหน

นอกจากนี้ต่อจากนี้ไป ผู้ชมจะไม่เห็นการทำงานของ VAR อีกต่อไปในระหว่างการตัดสินใจจะจบสิ้นลง เหตุจากเมื่อปีที่แล้วการตัดสินใจที่ผู้ชมสามารถเห็นการตีเส้นในทุกครั้ง มักจะตามมาด้วยข้อถกเถียงมากมายตามมา

ในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่การใช้งาน VAR เข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินหลายครั้ง และแม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ออกมาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วในภาพรวม VAR ของยูโร 2020 ออกมาผลงานค่อนข้างดี ไม่มีข้อกังขา ที่สำคัญคือสามารถตัดสินได้ค่อนข้างเร็วมาก ทำให้เกมมีความต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่เพียงจังหวะล้ำหน้า หรือการได้ประตูเท่านั้น ในส่วนของการตัดสินโทษใบแดง ในการทำฟาลว์รุนแรงด้วย อย่างก็ตามมีการเผยว่า ในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ทางยูฟ่าใช้ทีมงานมากกว่า 2 เท่าตัว ในการจัดการเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการล้ำหน้า และแน่นอนมันไม่มีการแสดงการตัดสินจนกว่าจะตัดสินเสร็จสิ้นแล้ว

ยูโร 2020 มีการแข่งขันทั้งหมด 51 เกม ซึ่งน้อยกว่าเกม พรีเมียร์ลีกถึงเกือบ 8 เท่า กับจำนวน 380 เกม ต่อฤดูกาล และมีเกมการแข่งขันพร้อมกันในหลายสนาม ทำให้การทำงานตัดสิน VAR อาจจะมีการใช้เวลานานขึ้นเมื่อเทียบกับทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020

รักแร้คือจุดตัดของการล้ำหน้า

ฟีฟ่า ได้มีการระบุแจ้งเกี่ยวกับส่วนใดที่จะนับเป็นส่วนที่จะ “ล้ำหน้า” โดยมีการระบุว่า ตั้งแต่ รักแร้ เป็นต้นไปจะนับเป็นการล้ำหน้าทั้งหมด

การแฮนด์บอล

การแฮนด์บอลไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ แต่ก่อให้เกิดจังหวะในการยิงประตู หรือเกิดประตูขึ้นจะนับว่าเป็นการแฮนด์บอลทั้งหมด รวมถึงในเรื่องของการทำให้ ร่างกายดูตัวใหญ่ขึ้นก็จะถูกประเมินว่าเป็นการแฮนด์บอลเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับในเรื่องของ ตำแหน่งของแขน หรือมือที่ยื่นออกมาแบบไม่เป็นไปตามธรรมชาติจากในจังหวะนั้น ๆ ก็จะโดนตัดสินว่าเป็นการแฮนด์บอลทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องมานั่งประเมินกันอีกว่า ท่วงท่าใดที่ไม่เป็นธรรมชาติ และท่วงท่าไหนที่เป็นธรรมชาติแต่ไม่ทำให้ตัวของนักเตะดูใหญ่ขึ้น

ยุติการเปลี่ยนตัวได้ 5 คน

หลังจากการระบาดหนักของ โควิด-19 พรีเมียร์ ลีก มีการกำหนดให้สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ทั้งหมด 5 คน และในฤดูกาลใหม่นี้ อาจจะกลับไปสู่ในรูปแบบเดิมคือการเปลี่ยนตัวได้เพียง 3 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามในกรณีที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ และเสี่ยงต่อการจะเกิดอันตราย ยังคงสามารถเปลี่ยนตัวได้ กฎนี้จะยังคงอยู่ต่อไป

ทั้งนี้การเปลี่ยนตัวจาก 5 เหลือ 3 คนนี้ จะรวมไปถึงลีกล่างทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ, ลีก วัน และ ลีก ทู โดยสามารถเลือกตัวสำรองติดทีมในแต่ละเกมได้สูงสุด 7 คนด้วยกัน