เวลาล่วงเลยไปผ่านไปแล้วเกือบ 4 เดือน นับจากวันที่ คริสเตียน อิริคเซ่น (29 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) ล้มลงในเกมระหว่าง เดนมาร์ก – ฟินแลนด์ ในฟุตบอลยูโร 2020 นับจากนั้นสถานการณ์ชีวิตการเป็น นักเตะ อาชีพของจอมทัพเดนมาร์กผู้นี้ก็อยู่ในเครื่องหมายคำถามเสมอมาว่า เขาจะกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้หรือไม่
หลังเหตุการณ์บีบหัวใจที่สุดครั้งหนึ่งในวงการฟุตบอล อิริคเซ่น ผู้ได้รับการปฐมพยาบาลทันท่วงที พร้อมกับการปั๊มหัวใจกู้ชีวิตของเขาคืนกลับมาได้ หลังจากช่วยกันนานถึง 13 นาทีจนสัญญาณชีพกลับมาพร้อมกับนำตัวส่งโรงพยาบาล อิริคเซ่นถูกระบุว่ามีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และมีการติดเครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจไว้กับตัวนับจากนั้นเป็นต้นมา พร้อมกับอยู่ในการดูแลของแพทย์ ที่มีการเปิดเผยว่า ประโยคแรกที่ อิริคเซ่น กล่าวกับทีมแพทย์ที่ช่วยเหลือเขาคือ “เขาเพิ่งจะอายุ 29 เท่านั้น” นั่นหมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา เขารู้ดีว่ามันจะส่งผลต่ออาชีพของตัวเองในอนาคต
ผ่านไปสองเดือนหลังเกิดเหตุการณ์ เขากลับมายังสนามซ้อมของทีมเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กลับมาซ้อม แต่กลับมาพบกับคนในสโมสร และเพื่อนร่วมทีม ก่อนที่จะต้องกลับไปเข้าสู่การฟื้นฟูสภาพร่างกายที่ โคเปนเฮเก้น โดยมีเจ้าหน้าที่แพทย์ของ อินเตอร์ มิลาน ติดตามการฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องของ “หัวใจ” ที่ต้องติดเครื่องกระตุ้นหัวใจไว้ตลอดเวลาของเขา มันไม่สามารถลงเล่นฟุตบอลได้ในอิตาลีอีกต่อไป ตามกฎของ เซเรีย อา ที่มีกฏในเรื่องนี้ชัดเจนว่า นักเตะ ที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นในฟุตบอลอาชีพของอิตาลี ด้วยเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัยของนักเตะเอง แน่นอนกฎข้อนี้เป็นที่ยอมรับ และเข้าใจได้สำหรับคนทั่วไป แต่อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวนี้โดยตรง
อิริคเซ่น วัยเพียง 29 ปี ด้วยอายุของเขานี่คือช่วงเวลา “ดีที่สุด” ของการเป็นนักเตะสักคน เพราะมันคือช่วงเวลาที่ทั้ง ความสามารถ พละกำลัง และประสบการณ์ มาพร้อมกันหมด แต่กลับกลายเป็นวันสุดท้ายของเขา แน่นอนมันย่อมไม่ใช่ เพราะใจของ อิริคเซ่น ยังไม่พร้อมจะหยุด และมันสั่งให้ร่างกายเดินหน้าต่อ แค่ว่ามันจะไม่ใช่ในอิตาลีแน่นอนแล้ว เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี กับ อินเตอร์ มิลาน มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ก่อนที่ อินเตอร์ มิลาน จะยอมรับในกฎข้อนี้ พร้อมกับเตรียมที่จะปล่อย อิริคเซ่น ออกจากทีมอย่างไม่เต็มใจนัก
“คริสเตียน ทำผลงานในการซ้อมได้ดี ช่วงเวลาที่ผ่านมาส่วนมากเขาใช้มันไปกับการอยู่กับครอบครัว แต่สภาพร่างกายของเขายังคงดีอยู่” มาร์ติน ชรูท เอเยนต์ของอิริคเซ่น กล่าวถึงสภาพล่าสุดของจอมทัพเดนส์
สถานการณ์ของเขาน่าจะคล้ายคลึงกับ แจ็ค วิลเชียร์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ซึ่งบาดเจ็บหนัก และยังหาสโมสรลงเล่นไม่ได้ โดยตอนนี้เขาร่วมฝึกซ้อมกับ อาร์เซนอล ต้นสังกัดเก่า เพื่อเรียกความฟิต และได้ลงซ้อมแบบทีม เพื่อรอโอกาสในช่วงตลาดการซื้อขายเดือนมกราคมจะเปิดขึ้นอีกครั้ง อิริคเซ่น ก็น่าจะไม่ต่างกัน หากยังมองถึงการลงสนามอีกครั้ง นั่นคืออาจจะอยู่กับ อินเตอร์ มิลานต่อไปจนกระทั่งจบปี 2021 และย้ายออกในตลาดมกราคม 2022 ซึ่งถึงตรงนั้น ด้วยความสามารถของ อิริคเซ่น หากพิสูจน์ตัวเองได้ว่าร่างกาย และหัวใจไม่มีปัญหา ไม่มีใครปฏิเสธเขาแน่นอน รวมถึงในพรีเมียร์ ลีก ก็เป็นหนึ่งในทางเลือก เช่นเดียวกับ
อย่างไรก็ตามทาง เอฟเอ ของอังกฤษ ก็ออกมากล่าวในเรื่องนี้ โดยระบุว่า หาก อิริคเซ่น จะคัมแบ็คลงเล่นในอังกฤษ เขาต้องเข้ารับการประเมินสภาพร่างกายจากผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจสำหรับนักกีฬาโดยตรง เพื่อประเมินความเสี่ยง ทั้งเรื่องของสภาพแวดล้อม ความเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น ไปจนถึงจิตใจของผู้เล่นเอง เพื่อจะบอกเป็นข้อสรุปว่า นักเตะ พร้อมลงเล่นหรือไม่กับการเล่นพรีเมียร์ ลีก ซึ่งเล่นฟุตบอลกันค่อนข้างใช้ร่างกายเข้าปะทะกันบ่อยครั้ง ซึ่งมีการเปิดเผยว่าในแต่ละปี เอฟเอ มีการพิจารณาในเรื่องเกี่ยวกับ หัวใจ ของนักเตะอาชีพประมาณ 1,500 คน แม้จะยังไม่มีคำสั่งให้เลิกเล่น แต่ทุกคนก็จะต้องทราบถึงความเสี่ยงของตนเองที่มากกว่าคนทั่วไปในเรื่องนี้ หากคิดจะลงเล่นต่อไป
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม คือหนึ่งในสโมสรที่มีข่าวว่าพร้อมจะต้อนรับแข้งเดนมาร์ก ซึ่งเคยสร้างชื่อเสียงกับทีมตั้งแต่สมัยเป็น นักเตะ เยาวชนก่อนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของสโมสรในช่วงปี 2010 – 2013 ซึ่งแน่นอน เอเรเดวิซี ลีก ยอมรับนักเตะที่มีการติดเครื่องช่วยกระตุ้นหัวใจไว้กับตัว ซึ่ง ดาร์ลีย์ บลินด์ กองหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ก็ติดเอาไว้เช่นกัน หลังจากเคยหมดสติในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนสิงหาคม 2020 ดังนั้น อิริคเซ่น ไม่ใช่ นักเตะ คนแรกที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เพียงแต่ว่าในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อาจจะต้องใช้ความระแวดระวังกันมากพอสมควร ไม่ว่าทีมไหนที่สนใจตัวเขาก็ต้องทำการบ้านกันในเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน เพื่อผลประโยชน์ของสโมสรเช่นกัน
ด้วยอายุเพียง 29 ปี เราสามารถเข้าใจได้ถึงปรารถนาของผู้เล่นที่อยากลงเล่นต่อไป ยังมีอีกหลายปีที่กำลังรอเขาอยู่ กับโอกาสลุ้นความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ถึงตรงนี้เชื่อได้เลยว่า ภรรยาของเขา คงไม่อยากเห็นภาพแบบที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 เดือนก่อน พร้อมความรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียคนที่รักไปตลอดกาล เพราะเธอเสียเขาไปแล้วนานถึง 13 นาทีด้วยกัน
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ อิริคเซ่น ที่วันนี้เขายังมีลมหายใจได้อยู่กับครอบครัว และมันคงดียิ่งกว่าที่จะได้ลงเล่นฟุตบอลอาชีพไปด้วย นักฟุตบอลหลายคนมักเคยกล่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจหลายเรื่องว่าพวกเขาใช้หัวใจมากกว่าสมองสั่งการ แต่สำหรับ อิริคเซ่น ณ วันนี้ เขากำลังใช้ “หัวใจ” คุยกับ “หัวใจ” ของตนเองว่า ยังไหวไหมเพื่อน เรายังเหลือเส้นทางต้องไปต่อ…หรือจะพอแค่นี้
เส้นทางชีวิตข้างหน้าของเขาจะมีฟุตบอล หรือไม่มีฟุตบอล อยู่ที่ “หัวใจ” เขาต้องการอะไร และพร้อมจะไปต่อหรือไม่ ขออวยพรให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเขา