รายงานจาก ดิ แอตเลติก ระบุเกี่ยวกับสาเหตุเกี่ยวกับการหลุดออกจากทีมในเกมล่าสุดของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (32 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) ก่อนที่ล่าสุดจะลุกลามไปถึงการที่สโมสรได้ทำการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมากับการ “ถอดปลอกแขน” กัปตันทีมของกัปตันทีมชาติกาบองเรียบร้อยแล้ว
รายงานระบุว่าในช่วงเกมหลังเกม อาร์เซนอล พ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-1 ที่ กูดิสัน พาร์ค (6 ธันวาคม) โดยมีการเปิดเผยว่า โอบาเมยอง ได้ขอสโมสรในการเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเขา และจะนำแม่ของเขากลับมาที่ลอนดอนพร้อมกัน โดยตกลงกับ สโมสรว่าจะเดินทางไปในวันพุธ (8 ธันวาคม) และจะกลับมาคืนวันนั้นเลย (ไปเช้าเย็นกลับ) แต่อย่างไรก็ตาม โอบาเมยอง ไม่ได้กลับมาในวันพุธ แต่เลือกจะกลับมาในไฟล์ทเช้าสุดของวันพฤหัสบดี (9 ธันวาคม) เพื่อจะกลับมาให้ทันลงซ้อมกับทีมในวันเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นการผิดกับที่ตกลงนี้ ซึ่ง อาร์เซนอล ทราบเรื่องนี้ และเขาก็ทราบว่ามันมีโอกาสจะเกิดขึ้น กับการมาลงซ้อมไม่ทันของเขา และมันก็เกิดขึ้น
เมื่ออยู่ในสถานการณ์โควิด-19 โอบาเมยอง เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่จะบินกลับมาอังกฤษ และ โอบาเมยอง เชื่อว่ามันเพียงพอแล้วที่จะบินกลับมาถึงและเดินทางไปซ้อมต่อได้เลย อย่างไรก็ตามภายใต้มาตรการปัจจุบันที่ใช้อยู่ในอังกฤษ ต้องเข้าตรวจ RT-PCR และต้องเข้ารับการกักตัวจนกว่าผลการจะออกมาเป็นลบ (Negative) และไม่สามารถไปไหนได้เลยในระหว่างนั้น
การระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นักเตะ ได้รับอภิสิทธิ์ในการยกเว้นบางขั้นตอนเพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวก อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้นเหล่านั้นได้มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญหนึ่งในนั้นครอบคลุมเกี่ยวกับการที่นักเตะจะเดินทางด้วยเหตุผลส่วนตัวด้วย
ทั้งนี้ อาร์เซนอล เองก็มองว่า โอบาเมยอง ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ และนำมาซึ่งการถูกบอกว่า ไม่ต้องมาซ้อมในสนามซ้อมในวันศุกร์ โดยให้ซ้อมในบ้านของตนเอง ซึ่ง อาร์เตต้า ก็ไม่ได้มีการบอกอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้ก่อนเกมวันเสาร์ซึ่งจะพบกับ เซาธ์แธมป์ตัน จนกระทั่งก่อนเกมเพียงหนึ่งชั่วโมง ไม่มีรายชื่อของเขาในทีม โดยระบุว่า มีปัญหาทางด้านวินัย
ขณะที่เรื่องของการที่ โอบาเมยอง ลงภาพกำลังนั่งให้ช่างสักทำการสักบริเวณแขนของเขาลงใน อินสตาแกรมส่วนตัว จนทำให้เป็นประเด็นที่คาดว่าทำให้ อาร์เตต้า ตัดสินใจถอดปลอกแขนของเขา ตามรายงานระบุว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการสะสมมาสักระยะหนึ่งแล้วของ โอบาเมยอง
มีนาคม 2020 โอบาเมยอง เคยหลุดทีมมาแล้วในเกม “สงครามลอนดอนเหนือ” จากเหตุผลของการมาสายหลายครั้ง และทำให้มีการหลุดจากทีมไปเป็นตัวสำรอง ก่อนที่ต่อมาไม่นานเขาจะป่วยเป็นมาลาเรีย และพักไปหลายสัปดาห์
นับจากบรรทัดนี้คือความเห็นของผู้เขียน
ที่ผ่านมา อาร์เตต้า ต้องการที่จะออกกฎในเรื่องของวินัยอย่างชัดเจนกับผู้เล่นในทีมของเขาอยู่เสมอ สังเกตได้จากการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ อาร์เตต้า จะย้ำตลอดว่า นักเตะ ของเขาต้องชัดเจนในเรื่องของวินัย ความมุ่งมั่นในการซ้อม และโอกาสจะมาถึงคุณเอง ซึ่งการทำเช่นนี้ของโอบาเมยอง ทำให้ “กฎเหล็ก” ตรงนี้ของทีมมีปัญหาสั่นคลอน และนั่นคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก อย่างน้อย ๆ ก็สองครั้งที่แฟนบอลทั่วไปทราบโดยทั่วกัน
เมซุต เออซิล – มัตเตโอ เกวนดูซี่ สองคนนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจน และทั้งสองคนเวลานี้ไม่ได้อยู่กับสโมสรแล้ว
โอบาเมยอง เป็นนักเตะที่ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมในยุคของ อูไน อเมรี่ ต่อจาก กรานิท ชาก้า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2019 จากกรณีที่ ชาก้า นอตหลุดในเกมกับ คริสตัล พาเลซ และเกิดประเด็นจนนำมาซึ่งการเปลี่ยนกัปตันอย่างที่ทราบกัน
โอบาเมยอง เป็นนักเตะที่มีความสามารถ คืองกองหน้าฟอร์มร้อนแรงของทีม เขาเป็นกัปตันทีมที่ได้รับการแต่งตั้งจากตรงนั้น มากกว่าในเรื่องของ “ความเป็นผู้นำในทีม” ที่ผ่านมา อาร์เตต้า จะพูดเสมอว่า ผู้เล่นอายุมากในทีมมีผลต่อห้องแต่งตัวมาโดยตลอด และเขาก็มอง โอบาเมยอง คือหนึ่งในนั้น ดังนั้นทั้งในฐานะของ ซีเนียร์ ในฐานะของกัปตันทีม นี่คือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ยิ่งมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ อาร์เตต้า ในช่วงที่เข้ามาร่วมงานกับ อาร์เซนอล ในฐานะผู้จัดการทีม เขาวาง โอบาเมยอง เป็นตัวหลักของทีม ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของนักเตะ ซึ่งเขาก็มองเป็นกองหน้าคนสำคัญ ถึงขั้นที่ว่า โน้มน้าวให้มีการต่อสัญญาระดับ 350,000 ปอนด์ต่อสัญญาขึ้น ดังนั้นการตัดสินใจถอดปลอกแขนครั้งนี้ ถือว่า “เจ็บปวด” สำหรับ อาร์เตต้า เช่นกัน เพราะแม้ในวันที่ผลงาน โอบา ย่ำแย่แค่ไหน อาร์เตต้า ก็ให้โอกาส และสนับสนุนมาโดยตลอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มันก็มองได้ว่า โอบาเมยอง ไม่รับผิดชอบกับหน้าที่ของตนเอง และประมาทเกินไปในการจัดการเรื่องส่วนตัวของตนเองด้วย
แน่นอนว่าเขาจะถูกลดระดับความสำคัญค่อนข้างแน่นอน ด้วยทั้งพฤติกรรม และผลงานที่ออกมา อาร์เซนอล ไม่มีทางเลือกมากนักในการตัดสินใจครั้งนี้ และบอร์ดบริหาร จะสนับสนุน อาร์เตต้า อย่างแน่อน ว่าง่าย ๆ โอบาเมยอง ทั้งอายุมาก ผลงานในสนามก็ไม่ดี ไหนจะเรื่องวินัยในครั้งนี้ สโมสรก็ต้องลงโทษว่ากันไปตามผิด ส่วนจะถึงขั้นย้ายทีมหรือไม่ ขึ้นกับว่า โอบาเมยองจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และเลือกอย่างไรต่อไป แต่แน่นอนความสัมพันธ์ของ เขากับ อาร์เตต้า ไม่มีทางหวานชื่นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกลียดกัน หรือต้องแยกทางกันให้ได้เร็วที่สุดขนาดนั้น ส่วนเรื่องของการต่อสัญญาใหม่ ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องวินัย แต่ด้วยผลงานในสนามก็ชัดเจนว่าสัญญาใหม่คงเกิดขึ้นได้ยาก
ในทางกลับกันสิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นตัวเร่งปฏิกริยาในการควานหากองหน้าคนใหม่ของปืนใหญ่เช่นกัน เมื่อทั้ง ลากาแซตต์ – เอนเคเธีย สัญญากำลังจะหมดลงในมิถุนายน 2022 และโอบาเมยอง มีสถานการณ์เช่นนี้ ตลาดมกราคมนี้ มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเสริมกองหน้าคนใหม่มากกว่าเดิมทันที
ใครจะเป็นกัปตันทีมคนต่อไป
ชื่อของ กาเบรียล มากัญเยส – เบน ไวท์ – อารอน แรมสเดล รวมถึง คีแรน เทียร์นีย์ คือสี่คนที่มีโอกาสมากที่สุด ทั้งหมดคือแนวรับของทีมที่เป็นตัวหลัก ขึ้นกับว่า อาร์เตต้า จะประเมินแบบไหน ขณะที่โอกาสในการกลับมาสวมปลอกแขนของ กรานิท ชาก้า อีกครั้งก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน แต่ในเบื้องต้น อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ น่าจะเป็นคนที่ได้สวมปลอกแขนต่อไป แบบเดียวกับวันที่ชนะ เซาธ์แธมป์ตัน ในเกมล่าสุด แต่ด้วยสัญญาของเขาจะหมดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โอกาสการได้รับการแต่งตั้งถาวรจึงเป็นไปได้ยากนั่นเอง