ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

เหรียญแชมป์ลีกของ “คีโอวน์”

     ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก กำลังจะกลับมาลงเล่นในอีก 11 วันข้างหน้ากันแล้ว หลายทีมยังคงง่วนกับการลุ้นความสำเร็จในพรีเมียร์ ลีก กันในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องของการเป็นแชมป์หนล่าสุดของ อาร์เซนอล กันหน่อยครับ

 

     อาร์เซนอล ได้แชมป์ในฤดูกาลล่าสุดคือ 2003-2004 ซึ่งปีนั้นจบลงแบบ “สมบูรณ์แบบ” เมื่อพวกเขาคือสโมสรที่ “ไร้พ่าย” ในฤดูกาลนั้น ด้วยการมี นักเตะ เพียง 20 คนเท่านั้น ที่ลงเล่นมากกว่า 10 เกมลีกในฤดูกาลนั้น

 

     ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก มีกฎระบุไว้แต่แรกเริ่มเลยว่าสำหรับ นักเตะ ที่จะได้รับเหรียญแชมป์ลีกนั้น จะต้องมีส่วนร่วมกับเกมลีกอย่างน้อย 10 เกมด้วย (ไม่ว่าจะลงตัวจริงหรือตัวสำรองก็ตาม) ก่อนที่ภายหลังจะลดจำนวนลงเหลือเพียง 5 เกม ก็ได้เหรียญแล้ว และจะมีการผลิตเหรียญออกมาจำนวน 40 เหรียญ สำหรับ นักเตะ และทีมงานทุกคนในสโมสรที่ร่วมกันคว้าแชมป์ลีก

 

     อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2003-2004 อาร์เซนอล ในเกมสุดท้ายมีนักเตะ 19 คน ที่การันตีการได้เหรียญแชมป์แน่นอนแล้ว ขาดเพียง 1 คนเท่านั้น ที่ยังไม่ได้เหรียญ และต้องลงเล่นเท่านั้นถึงจะครบ 10 เกม และได้เหรียญแชมป์ และเขาคนนั้นคือ “พระเอก” ของบทความนี้ มาร์ติน คีโอวน์ กองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษ โดยมี “ตัวแสบ” อย่าง เรย์ พาร์เลอร์ คือผู้บอกเล่าเรื่องราวนี้

 

*บทความนี้จะมีการใช้คำหยาบบ้างเพื่อให้เข้ากับบริบทของเรื่องราว

คีโอวน์ อยู่ในช่วงสุดท้ายของอาชีพแล้ว

     เวลานั้น คีโอวน์ อยู่ในช่วงสุดท้ายของอาชีพแล้ว เขากลายเป็นตัวสำรองแบบเต็มตัวให้กับ คู่กองหลังตัวจริงในฤดูกาลนั้นอย่าง โซล แคมป์เบลล์ และ โคโล ตูเร่ ขณะที่ก่อนเกมสุดท้ายในลีก คีโอวน์ ลงเล่นไปทั้งหมด 9 เกม ดังนั้นเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ คีโอวน์ ต้องได้ลงไม่งั้นไม่ได้เหรียญแชมป์ลีก และแน่นอน คีโอวน์ รู้ตัวดี เช่นเดียวกับคนในทีมที่มีการคุยกันแล้วว่า คนในทีมจะได้เหรียญกันครบไหม นับไปนับมา อ้าว! ลูกพี่มาร์ติน ยังไม่ได้นี่หว่า แต่เกมสุดท้าย อาร์เซนอล ต้องการไม่แพ้ เพื่อส่งให้พวกเขากลายเป็นทีมไร้พ่ายในฤดูกาลนั้น

 

     “ผมบอกมาร์ตินว่า อย่ากังวลไปเลย เราจะทำให้คุณได้เหรียญแชมป์แน่นนอ ผมจะส่งคุณลงสนามในเกมสุดท้าย เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ ผมบอกเขาไปแบบนั้น แต่สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่แพ้เป็นอันดับแรก แน่นอน มาร์ติน คือนักเตะคนสำคัญสำหรับผมเสมอ”

 

     เกมสุดท้ายของฤดูกาลเริ่มต้นขึ้น คีโอวน์ นั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม และ เรย์ พาร์เลอร์ เพื่อนสนิทรุ่นน้อง และตัวแสบ ที่เรียกว่าเป็นจอม “ปั่นประสาท” เพื่อนร่วมทีมก็นั่งข้างสนามในเกมนั้นด้วย

 

     “เกมสุดท้ายของฤดูกาล ผมนั่งสำรองในเกมนั้น มาร์ตินก็ด้วย สามเกมก่อนหน้านี้เขาได้ลงเล่นตลอด และเขารู้ว่าเขาต้องการเกมนี้ แต่พอเกมเล่นไปไม่เท่าไร เยนส์ เลห์มันน์ บาดเจ็บ เราเลยต้องเปลี่ยน สจ๊วต เทย์เลอร์ ลงเล่นแทน นั่นเท่ากับเราเสียโควต้าเปลี่ยนตัวไปหนึ่งคน”

 

     “หลังจากนั้นพอจบครึ่งแรก เรามีการเปลี่ยนแท็คติกการเล่น ซิลแวง วิลตอร์ ลงมาเล่นแทน ตัวสำรองที่สองออกไปแล้ว เหลืออีกหนึ่งโควตาสุดท้ายของเกมนี้ และของมาร์ตินด้วย เราสามารถกลับมาแซงนำในเกมนั้นได้ 2-1 แน่นอนว่าบรรยากาศมันยอดเยี่ยมมาก แต่ เวนเกอร์ ก็ยังไม่เรียก มาร์ติน ลงสนาม และเขาก็เริ่มที่จะอยู่ไม่สุขแล้วเวลาน้อยลงไปเรื่อย ๆ แล้ว”

“แกว่า บอส เขาจะลืมกูป่ะวะ กูอยากได้เหรียญนะ”

“แกว่า บอส เขาจะลืมกูป่ะวะ กูอยากได้เหรียญนะ” มาร์ติน คุยกับ พาร์เลอร์ และแน่นอนเกมป่วนประสาทลูกพี่ตัวเองก็เริ่มขึ้น

 

     “ไม่หรอก แต่ผมว่า ลูกพี่ ต้องออกไปวิ่งวอร์มต่อหน้า อาร์แซน หน่อยแล้วล่ะ บอสเขาชอบแบบนั้น เชื่อผม เอาให้ชัวร์ว่า บอส ไม่ลืมนะ มาร์ติน คีโอวน์ พร้อมลงสนามเสมอ”

 

     “พอผมพูดแบบนั้น เขาก็บอกว่า “ดีมาก ความคิดดี” ว่าแล้วแกก็ลุกออกจากข้างสนามไปวิ่งวอร์ม ไปมาผ่านหน้า อาร์แซน เวนเกอร์ หลายรอบ พอวิ่งผ่านไปตรงสแตนด์ด้านเหนือของทีม แฟนบอลก็ร้องเพลงเชียร์เขาดังเลย เพราะพวกเขาก็รู้ว่าเกมนี้ มาร์ติน ต้องลงเพื่อลุ้นเหรียญแชมป์ ผมเลยคิดว่าเขา มันเป็นอะไรที่ผมทำความดี ได้อย่างสุดยอดครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะ”

 

     “แต่ผมคิดว่ามันต้องให้มันน่าจดจำกว่านั้น ผมเลยลงไปวิ่งวอร์มบ้าง ไม่มีใครบอกอะไรหรอก ผมวิ่งไปอย่างนั้นล่ะ อาร์แซน ก็งงผมไปทำอะไร แต่ มาร์ติน ไม่รู้ไง เขามองหน้าผมทำนองว่า “มึงทำอะไรของมึงวะ เรย์” พอผมวิ่งถึงตรงหน้าเขาผมบอกเขาว่า โทษทีนะ ลูกพี่ ผมจะลงแทนที่ของ กิลแบร์โต้ ซิลวา นะ เขามีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขาด้านหลัง ดูเหมือนว่าจะเล่นไม่ไหวแล้ว”

 

     “พอเท่านั้นล่ะ มาร์ติน ตะโกนมาเลย ไม่ได้โว้ย กูต้องลง กูต้องได้เหรียญแชมป์ และก็วิ่งสปรินท์ซะฟิตจัดเลย ขึ้น ๆ ลง ๆ ยังกับหนุ่ม ๆ ตอนนั้นผมคิดในใจ ถ้าผมลงสนาม เขาเอาผมตายแน่นอน ผมเลยบอกเขาไปว่า มันไม่ใช่ความผิดผมนะลูกพี่ เจ้านายเขาสั่งมาให้ผมเตรียมวอร์มไว้ลงสนามเข้าใจผมนะ ส่วน มาร์ติน ก็บ่นว่า บอสลืมเขาแล้วแน่ ๆ หน้าตาเขาแย่มาก”

"บอส จะไม่ส่งผมลงสนามเหรอ ทำแบบนั้นไม่ได้นะบอส"

     “พอเห็นแบบนั้น ผมก็วิ่งไปข้างสนาม และบอกกับคนในทีมว่า ผมจะไปเข้าห้องน้ำนะ เลยถอดกางเกมวอร์มออก เหลือแค่ชุดแข่งด้านในเสื้อ ผมตั้งใจให้มาร์ตินเห็นนั่นละ เขาก็คิดไปใหญ่เลยทีนี้ ว่าผมจะลงเล่นแน่นอน ทีนี้มาร์ติน สติแตกเรียบร้อย เขาวิ่งมาหาผมอย่างเร็ว เร็วกว่าที่ผมเห็นเขาวิ่งมาทั้งชีวิต เรียกว่าพุ่งมาเลย มาถึงหน้า อาร์แซน เวนเกอร์”

 

     “อาร์แซน ลุกขึ้นมาคุยกับเขาอะไรสักอย่าง และหลังจากนั้น มาร์ติน ก็บีบคออาร์แซน พร้อมกับตะโกนว่า บอส จะไม่ส่งผมลงสนามเหรอ ทำแบบนั้นไม่ได้นะบอส…แทนที่ทุกคนจะตกใจ กลับกลายเป็นเสียงหัวเรากันทั้งสนาม” พาร์เลอร์ กล่าวอย่างขำขันที่ป่วนประสาท คีโอวน์ ได้อย่างแนบเนียน

 

     “มาร์ติน มาหาผม และถามว่า เกิดอะไรขึ้น จะเปลี่ยนตัวใครยังไง ส่วนผมตอนนั้นผมไม่ได้สังเกตว่า พาร์เลอร์ออกไปวิ่งอะไรหรอกนะ เลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเลยทำได้แค่บอกว่า นายได้ลงเล่น มาร์ติน”

 

ท้ายที่สุดแล้ว อาร์แซน เวนเกอร์ ส่ง มาร์ติน คีโอวน์ ลงสนามนาทีที่ 87 และ อาร์เซนอล ชนะในเกมนั้น 2-1 และ คีโอวน์ได้เหรียญแชมป์สมใจอยาก

 

“เรื่องมันก็จบลงด้วยดี แต่เรื่องนี้ผมโดน เรย์ พาร์เลอร์ อำมาตลอดหลายปี และเขารักเรื่องนี้มากเสียด้วย!!”

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้