อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ แฟนบอลอาร์เซนอล และเซบีย่า จะได้เป็นส่วนหนึ่งของ เอมิเรตส์ คัพ 2022 กันอีกครั้ง และครั้งนี้มันจะมีความหมายพิเศษยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เพราะวันนี้เราจะมาพูดถึงชายคนหนึ่งที่เคยเล่นกับทั้งสองสโมสรนี้ และแฟนบอลทั้งสองสโมสรนี้รักเขามากเหลือเกิน
เอมิเรตส์ คัพ กลับมาอีกครั้ง กับเกมการแข่งขันที่เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของแบรนด์สายการบินแห่งนี้ ซึ่งเข้ามาสู่วงการฟุตบอลในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของวงการนี้ พวกเขามีหลายสโมสรมากที่ให้การสนับสนุนจากพวกเขา แต่ไม่มีที่ไหนจะเหมือนกับอาร์เซนอลที่ซึ่งพวกเขาสนับสนุนออกมาในรูปแบบของชื่อสนามแข่งในนาม “เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม” สนามเหย้าของอาร์เซนอลที่เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2006 และ เอมิเรตส์ คัพ ก็เกิดขึ้นในปีต่อมา
เอมิเรตส์ คัพ เป็นเหมือนหนึ่งเกมปรีซีซั่นที่เราอาจจะเห็นกันมากมายทั่วโลก แม้กระทั่งในไทยก็เคยมีเกมพิเศษกับหลายสโมสร แต่ เอมิเรตส์ คัพ เป็นหนึ่งในเกมปรีซีซั่นที่มีการจัดการแข่งขันเรื่อยมา มีหยุดบ้างห่างหายกันไปบ้างตลอดระยะเวลา 15 ปีที่เริ่มต้นการแข่งขันเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุผลที่ง่ายที่สุด “การตลาด-แฟนบอล-การเตรียมทีม” มันหาจุดลงตัวร่วมกันด้วยการแข่งขันรายการนี้
สายการบินผู้สนับสนุนได้โปรโมทแบรนด์ของตนอง ทีมได้เตรียมความพร้อมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ และแฟนบอลจะได้เข้าชมเกมเหย้าที่ว่ากันว่าหากตั๋วเข้าชมยากมากที่หนึ่งในโลกได้ง่ายกว่าเดิม เพราะพวกเขาจะแบ่งส่วนตั๋วเข้าชมส่วนหนึ่งเปิดขายให้กับแฟนบอลทั่วไปที่ถ้าคุณมาถึงสนามแล้วโชคดีบัตรยังมีเหลือก็สามารถซื้อเข้าไปชมได้เลย
จากจุดเริ่มต้นของการจัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยบอลทัวร์นาเมนต์สี่เส้ากันมาตลอดในปี 2022 นี้ เอมิเรตส์ คัพ กลับมาแล้ว หลังผ่านสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทั้งโลกต้องชะงักการทำงาน การใช้ชีวิต และทุกอย่างที่ควรจะเป็น มาวันนี้ฟันเฟืองชีวิตกลับมาเริ่มเดินหน้ากันได้แล้วอีกครั้ง และนำมาซึ่งเกมนี้
1 มิถุยายน 2019 หนึ่งในข่าวการเสียชีวิตของคนหนึ่งคนจากอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำในถนนสายหนึ่งย่านอูเตรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเมืองเซบีย่า ทำให้แฟนบอลทั่วโลกเสียใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแฟนบอลของเซบีย่า และ อาร์เซนอล
สำหรับเด็กคนหนึ่งที่เกิดในแคว้นอันดาลูเซีย ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เกิดในเมืองที่มีสโมสรฟุตบอลในเมืองเหล่านั้น สำหรับเรเยส เซบีย่า หรือ เรอัล เบติส คือสองสโมสรที่ดีที่สุดของแคว้น และเรเยสก็มีช่วงที่ทั้งชอบ เบติส (มีภาพเขาสมัยเด็กใส่เสื้อของเบติส) และเซบีย่าก็รักไม่แพ้กัน สุดท้ายเมื่อต้องเลือกเขาเลือกเซบีย่า ทีมที่เขาร่วมทีมด้วยวัยเพียง 10 ปี หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทีมจนกระทั่งถึงการย้ายทีมครั้งแรกในปี 2004 สู่อาร์เซนอล ที่เขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เช่นกัน
“ผมคือคนที่มีความสุขที่สุดในโลก และในเวลาเดียวกันผมก็เป็นคนที่มีความเสียใจมากที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน” เรเยส กล่าวไว้ในวันที่ 30 มกราคม 2004 ในตลาดการซื้อขายวันสุดท้ายของรอบนั้น เขาย้ายมาร่วมงานกับอาร์เซนอลด้วยค่าตัวมหาศาลที่ว่ากันว่าหากรวม add-on ทั้งหมดเขาจะมีค่าตัวประมาณ 17 ล้านปอนด์ ในยุคที่นักเตะแพงที่สุดในโลกอย่างซีเนอดีน ซีดาน มีมูลค่า 50 ล้านปอนด์
มันเป็นข้อเสนอก้อนใหญ่มากจนเซบีย่าไม่ต้องการปฏิเสธ และเรเยส ก็เข้าใจในเรื่องนั้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสโมสรต้องการเงินมาใช้จ่ายในทีม เขาก็เลือกที่จะออกเดินทางครั้งสำคัญ
อาร์เซนอล ดูฟอร์มเขามานานนับปี ส่งแมวมองไปดูถึงสนามหลายต่อหลายครั้ง “40 เกม” คือตัวเลขประมาณที่อาร์แซน เวนเกอร์ เคยบอกว่าเขาให้ทีมงานไปดูฟอร์มของเด็กคนนี้ที่ลงเล่นกับเซบีย่า ก่อนตัดสินใจยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวดาวรุ่งที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในสเปนมาร่วมงานด้วย และเมื่อเขาตอบรับข้อเสนอดังกล่าว ก็หมายถึงว่าเขาเลือกที่จะจากลาเซบีย่าทีมที่เขาร่วมงานมาตั้งแต่ทีมเยาวชน
เขากลายเป็นนักเตะคนสุดท้ายของทีมชุดใหญ่อาร์เซนอลในฤดูกาล 2003-2004 ที่ย้ายมาร่วมทีม เขากลายเป็นนักเตะในทีมชุด “ไร้พ่าย” ที่ยังคงเป็นเรื่องราวที่ยังไม่มีสโมสรไหนทำได้ นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ ลีก มาตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา
ตลอด 2 ปีครึ่งในอังกฤษ เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่แล้วก็ต้องจบเพียงแค่นั้น เขาอายุเพียง 20 ปีในวันที่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ วัยรุ่นที่ต้องทิ้งทุกอย่างในชีวิตข้ามมาทำงานในต่างแดนลำพัง ความเหงาเกาะกินใจเขาจนสุดท้ายเขากลายเป็น “โฮมซิค” และขอกลับไปใช้ชีวิตในสเปน ด้วยการย้ายแบบยืมตัวไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ที่ซึ่งเขาได้แชมป์ ลา ลีกา ที่นั่น ก่อนย้ายไปเล่นกับ แอตเลติโก มาดริด, เบนฟิก้า และกลับไปที่ เซบีย่าในปี 2011 อีกครั้ง และช่วยทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีกได้ถึงสามสมัยซ้อย ก่อนจะออกเดินทางอีกครั้งไปเล่นอีกหลายสโมสร ก่อนที่ถึงวันสุดท้ายของชีวิต เขายังคงเป็นนักเตะของ เอ็กเตรมาดูร่า ทีมระดับล่างของสเปนที่ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดของเขา และการเดินทางกลับจากการซ้อมในวันหนึ่งนั้น ก็เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
การไว้อาลัยเกิดขึ้นจากทั่วโลก ในขณะที่ร่างของเขาถูกฝังในเมืองอูเตรา บ้านเกิดและบ้านหลังสุดท้ายของตนเอง สโมสรเอ็กเตรมาดูร่า ประกาศยกเลิกหมายเลข 19 ที่เขาสวมใส่เป็นการไว้อาลัย หีบศพของเขาคลุมด้วยธงของสโมสรเซบีย่า พาเขาเข้าสู่ประตูยมโลก ขณะที่อาร์เซนอล มีการไว้อาลัยผ่านทางเว็บไซต์ และในสังคมออนไลน์ และมีแผนจะมองหาบางสิ่งเพื่อจะระลึกถึงเขา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะโควิด-19
3 ปี กับอีกประมาณ 1 เดือนผ่านไป อาร์เซนอล ประกาศการจัดการแข่งขัน เอมิเรตส์ คัพ ขึ้นอีกครั้ง และเลือกเชิญ เซบีย่า มาเพียงสโมสรเดียว เพื่อมาเป็นเกียรติแด่เรเยส อย่างเป็นทางการ ในฐานะของบุคคลที่รักยิ่งของแฟนบอลทุกคน
นาทีที่ 9 ของเกมการแข่งขันที่จะมาถึงนี้ จะมีการไว้อาลัยให้กับเขาหนึ่งในเจ้าของเสื้อหมายเลข 9 ของสโมสรปืนใหญ่ ที่จะเป็นการไว้อาลัยให้กับเขาผู้จากไป
“Gone too soon” คงเป็นประโยคที่สามารถบอกได้ว่ามันใช่สำหรับการจากไปของเขา และก็อีกเช่นกันว่า เราจะไม่มีคำว่า “Never too late” สำหรับความคิดถึงใครสักคนหนึ่งเช่นกัน
ด้วยรัก และคิดถึง ขอบคุณทุกความสุข ความทรงจำที่มอบให้กันเสมอมา…โฆเซ่