แรงผลักดัน VS แรงกดดัน

ผ่านไป 15 เกมแล้วสำหรับ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ณ เวลานี้ “สามทีมลุ้นแชมป์” ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี ต่างเริ่มทิ้งห่างทีมอื่นออกไปกลายเป็นกลุ่มย่อยที่แย่งชิงแชมป์กัน ในขณะที่เหลืออีก 17 ทีม ยังคงขับเคี่ยวกันเพื่อเป้าหมายในฤดูกาลนี้

เอฟเวอร์ตัน ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลนี้ พวกเขามีความฝันอันเรืองรองกับการไปสู่ฟุตบอลยุโรปให้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชกระทันหันจากการเสีย คาร์โล อันเชลอตติ ไปให้ เรอัล มาดริด และเลือกใช้บริการ ราฟาเอล เบนิเตซ เข้ามาคุมทีม 6 เกมแรกพวกเขาไปได้สวย ชนะไปถึง 4 แพ้ไปเพียงเกมเดียว แต่หลังจากนั้น 8 เกม พวกเขา เสมอ 2 แพ้ไป 6!!

ก่อนเกมกับอาร์เซนอล จะเริ่มต้นขึ้น แฟนบอลเอฟเวอร์ตัน กลุ่มหนึ่งก่อหวอดประท้วงครั้งใหญ่ เกี่ยวกับผลงานที่อัปยศของทีม ความพ่ายแพ้ใน เมอร์ซีย์ไซต์ ดาร์บี้ คือฟางเส้นสุดท้าย แฟนบอลของสโมสรที่ได้ชื่อว่า “The People Club” ตะโกนร้องขับไล่การลงทุนของบอร์ดบริหาร เกี่ยวกับการลงทุนเสริมทีมที่ไม่เต็มที่ในรอบนี้ กับการลงทุนเพียงไม่กี่ล้านปอนด์ให้กับ ราฟาเอล เบนิเตซ ยิ่งผลงานร่วงกราวอย่างหนัก ปัญหาก็ยิ่งรุมเร้า สุดท้ายทุกอย่างจบลงที่ว่า มาร์เซล บรันท์ ผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสร ออกจากสโมสรไป หลังการลงทุน 300 ล้านปอนด์มาตั้งแต่ปี 2018 พวกเขาได้มาเพียงความว่างเปล่า พร้อมกับการเตรียมปรับโครงสร้างอะไรต่าง ๆ มากมายนั่นคือสิ่งที่จะได้เห็นกันในเดือนมกราคม เป็นจุดเริ่มต้น ในสนามพวกเขาได้ตัว เยอร์รี่ มิน่า กองหลังโคลอมเบียกลับมาตัวจริง และ อันเดร โกเมส กลับมานั่งสำรองได้

อาร์เซนอล…อาร์เตต้า ถูกตั้งคำถามอีกครั้ง

อาร์เซนอล…อาร์เตต้า ถูกตั้งคำถามอีกครั้ง หลังความพ่ายแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-2 พวกเขาต้องการกลับมาสู่เส้นทางชัยชนะโดยเร็วที่สุด การจัดทีมในเกมนี้ ถือว่าจัดทัพใหญ่ เลือกใช้งาน กรานิท ชาก้า ที่หายไปนานเกือบสามเดือน กลับมาเป็นตัวจริงในเกมนี้ ร่วมกับ โธมัส ปาเตย์ กลายเป็นคู่กลางตัวหลักที่ดีที่สุดของทีม ส่วนแนวรุก หลังความฝืดของโอบาเมยอง แก้ไม่หาย วันนี้ให้โอกาสคนอื่นเลือก ลากาแซตต์ ลงมาเล่นหน้าเป้า และใส่ มาร์ติเนลลี่ ลงมาเป็นตัวริมเส้นทางซ้ายในวันที่ เอมิล สมิธ โรว์ มีปัญหาบาดเจ็บ ส่วนแนวรับ คีแรน เทียร์นีย์ กลับมาตัวจริงในรอบหลายเกม มองตามสภาพแล้วนี่คือทีมชุดใหญ่เกือบ 100 % ของทีมแล้ว

ในรูปเกม เอฟเวอร์ตัน กระตุ้นทีมกันมาหนัก ความพ่ายแพ้ในเกมเมอร์ซีย์ไซต์ ดาร์บี้ กอปรกับแรงกดดันที่ไม่ชนะมาหลายเกม ไหนจะแรงกดดันจากแฟนบอลรอบสนามที่เดินออกจากสนามในนาทีที่ 27 ตามเวลาที่พวกเขารอคอยการได้แชมป์อะไรสักอย่าง นับจากครั้งสุดท้ายที่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1995

นักเตะเจ้าบ้านทำตามแรงกดดันที่ออกมา พวกเขาเล่นเกมเพรสซิ่งอย่างหนักตั้งแต่แรก ตั้งแต่ ริชาร์ลิซอน ในแดนหน้า อาร์เซนอล ออกบอลลำบากมากในเกมนี้ คิดช้าทำช้าไม่ได้ วันนี้บอลส่วนมากของเกมใน 45 นาทีแรก คือการอยู่กลางสนาม พยายามหาพื้นที่ ครองเกมกันให้ได้ ทำลายเกมคู่แข่ง ซึ่งแน่นอน เอฟเวอร์ตัน มีลูกหนักเข้ามาบวกด้วยในแบบที่มองว่า ใบแดงยังไม่กลัว เท่ากับการโดนแฟนบอลทีมตัวเองด่า พวกเขาถวายชีวิตในเกมนี้ หนักเป็นหนัก เจ็บเป็นเจ็บ แต่สิ่งที่ต่างคือใน 45 นาทีแรก ไม่มีใบเหลืองออกมาแม้แต่ใบเดียว ในขณะที่ นักเตะ อาร์เซนอล เจออัดหนักไปหลายคน โดยเฉพาะ บูคาโย่ ซาก้า และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ที่โดน เบน ก๊อตฟรีย์ อัดหนักไปคนละดอก แต่สุดท้ายไม่มีการลงโทษใด แม้กระทั่ง VAR ก็ยังมองว่าลูกที่ ก๊อตฟรีย์ เหยียบหน้า โทมิยาสุ ไม่ใช่การฟาลว์ แต่เป็นการไม่ตั้งใจ เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้ได้เลย เช่นเดียวกับ จังหวะการโหม่งประตูของ ริชาร์ลิซอน ที่ VAR ยึดประตูคืน และไม่ถึงสองนาทีต่อมา อาร์เซนอล ได้ประตูขึ้นนำ ทั้งหมดเกิดจากการตัดสินของ VAR ทั้งหมด

ภาพของ ริชาร์ลิซอน ในจังหวะเอามือทุบพื้นจากการโดน VAR ยึดประตูคืน บ่งบอกถึงความผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พวกเขายอมแพ้ มันอาจเป็นภาพเพียงไม่กี่วินาที ที่ผ่านไป แต่ในความรู้สึกผู้เขียน รู้สึกได้ว่า เกมนี้ เอฟเวอร์ตัน ไม่ยอมให้จบแบบนี้แน่นอน และเชื่อว่าแฟนบอลของพวกเขารู้สึกได้จาก “กดดัน” กลายเป็น “ผลักดัน” และสุดท้ายกลายเป็น “แรงเชียร์”

เอฟเวอร์ตัน ครึ่งหลังเดินเกมเข้าหาทันที

นักเตะเอฟเวอร์ตัน ครึ่งหลังเดินเกมเข้าหาทันที เล่นเกมหนัก วิ่งพล่านไปทั่วทุกพื้นที่ เช่นเดียวกับการใช้แบ็คสองข้างเติมเกมขึ้นมา ตรงกันข้ามกับ อาร์เซนอล ที่เล่นไปเล่นมา จากที่เซตบอลได้ พาบอลไปถึงแดนหน้าได้ ก็เริ่มทำได้น้อยลง ความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มบ่อยครั้งขึ้น กลายเป็น “แรงกดดัน” มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ VAR จะยังคงช่วยเขาเป็นครั้งที่สอง จากการยิงเข้าไปรอบ ริชาร์ลิซอน แต่มันก็ไม่ทำให้ เอฟเวอร์ตันถอดใจ และสุดท้าย อาร์เซนอลก็พลาดจริง ๆ จากความยอดเยี่ยมของ เดมาราย เกรย์ ที่ยิงไกลได้ดีมาก แม้ว่า แรมสเดล จะปัดได้แต่ก็พอไม่พอให้พ้นกรอบ กลายเป็นชนคาน หลายครั้งที่ แรมสเดล ทำได้แบบนี้ แต่คราวนี้ มันไม่ดีพอเมื่อ ริชาร์ลิซอน ตามโหม่งย้อยย้อนทางเข้าไปแบบหมดสิทธิ์เซฟ

ถึงเวลานั้นนาทีที่ 80 เอฟเวอร์ตัน ไม่ได้มองถึงหนึ่งคะแนนแล้ว เพราะ อาร์เซนอล ออกอาการล้าชัดเจน อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่ก็มีโอกาส “ที่ดีที่สุด” กับความผิดพลาดที่บุกเพลินของเจ้าบ้าน และจบลงด้วยการโหม่งระยะสามหลาชนเสาของ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ที่ทำให้เกมนี้เปลี่ยนไป “ถ้า” มันเข้าประตู แต่ฟุตบอลไม่มีคำว่า “ถ้า” มีแต่ได้กับไม่ได้ และเมื่อไม่ได้ขอยกคำพูดของ โค้ชหลายคนที่เคยสัมภาษณ์เอาไว้

“เมื่อคุณมีโอกาสและคว้าไว้ไม่ได้ คุณก็มีโอกาสที่จะโดนลงโทษได้เสมอ”

อาร์เซนอล โดนบทลงโทษนั้นในเกมนี้ และมันมาจากความยอดเยี่ยมของ เดมาราย เกรย์ กับการยิงไกลที่เขาก็พยายามมาหลายครั้ง และมันก็กลายมาเป็นประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกม กลายเป็นประตูชัยให้ทีม เก็บสามคะแนนแรกในรอบ 9 เกม ส่วน อาร์เซนอล แพ้ 2 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรก นับจากแพ้ 3 เกมรวดในช่วงต้นฤดูกาล

VAR ในเกมนี้ถูกกล่าวถึง ...

มองกันตามรูปเกม อาร์เซนอล ทำได้ดีกว่าในเรื่องของในช่วงที่กดดันหนัก ๆ มีความสูสีกัน พวกเขาฉวยโอกาสที่ดีในการยิงประตูขึ้นนำก่อน แต่พวกเขากลับรักษามันเอาไว้ไม่ได้ กับครึ่งหลังที่พวกเขาเริ่มเสียทรงเกม การเปลี่ยนตัวสำรองอย่าง นูโน่ ตาวาเรส ลงสนามไป เป็นสิ่งที่ผิดพลาดในมุมมองของผู้เขียน เพราะนอกจากจะผลงานออกมาไม่เด่นแล้ว ประสบการณ์ในการรับมือกับแรงกดดันก็น้อย สุดท้ายกลายเป็นว่า จุดเด่นของนักเตะที่มีความเร็ว กล้าลุยแบบที่ผ่านมา ไม่ได้ใช้ออกมาในเกมนี้ และโดน “ข่ม” ด้วยการเข้าบอลหนักของ แอนโทนี่ กอร์ดอน ที่วันนี้เล่นได้เด่นมากอีกคนของเจ้าบ้าน ทำเอาเกมนี้ ตาวาเรส เงียบสนิท แน่นอนตรงจุดนี้ มิเคล อาร์เตต้า ก็สมควรโดนตำหนิกับความผิดพลาด ที่ไม่แปลกใจว่าทำไม หลังเกมถึงมีแฟนบอลปืนใหญ่เสียงดังอีกครั้งในการปลดเขาออกจากทีม เพราะตลอดมาเขาก็ไม่ใช่คนที่แฟนบอล “คิดว่าใช่” มานานแล้ว ยิ่งในวันที่พ่ายแพ้แบบนี้ด้วย เสียงก็ยิ่งดังขึ้นตามลำดับ แต่ดูแล้วด้วยอันดับตารางคะแนน ยังคงเกาะกลุ่มลุ้นพื้นที่ยุโรป ใครที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อาจจะต้องผิดหวัง และรอคอยกันต่อไป ตรงข้ามกับ เอล ราฟา ที่คงจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อหยุดสถิติอันเลวร้ายลงได้เสียที

VAR ในเกมนี้ถูกกล่าวถึงแน่นอนในจังหวะการเหยียบที่ใบหน้าของ โทมิยาสุ โดย เบน ก๊อตฟรีย์ เพราะเป็นการเหยียบที่ค่อนข้างจะรุนแรง จังหวะนี้ “ให้ใบแดงก็ได้ ไม่ให้ก็ได้” ขึ้นกับวิจารณญาณของผู้ตัดสินทั้งหมด ซึ่ง VAR บอกว่าไม่ให้ แต่ ไมค์ ดีน กลับไม่เลือกจะไปดูจอข้างสนามในจังหวะสำคัญนี้ ตรงนี้มองว่า เป็นสิ่งที่ควรจะหมดยุคของการเชื่อใจกรรมการ VAR อย่างเดียวได้แล้ว กรรมการทุกคนควรไปดูในจังหวะสำคัญ เมื่อ VAR แจ้งว่าลูกนี้มีปัญหา จังหวะนี้มีปัญหา ไม่อย่างนั้นก็จะกลายมาเป็นประเด็นแบบนี้อีก เพราะ VAR คือผู้ช่วย กรรมการในสนามคือผู้ตัดสิน อันนี้นับรวมถึงจังหวะที่ปฏิเสธประตูทั้งสองครั้งของ เอฟเวอร์ตัน ด้วยเพื่อความชัดเจน และแฟร์กับทุกฝ่ายว่า กรรมการในสนาม คือคนเลือกแล้วว่าเชาเป็นคนเลือกเอง

หัวจิตหัวใจของนักเตะเอฟเวอร์ตันทุกคน เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย พวกเขาสวมหัวใจนักสู้ ทำทุกอย่างเพื่อหลบหนีความพ่ายแพ้ ว่ากันตามจริงเกมนี้เสมอกัน เอฟเวอร์ตัน ยังไม่พอใจเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาต้องการจุดเปลี่ยนของทีม นั่นคือชัยชนะ และพวกเขาก็ได้มันตามสมควรกับสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทลงไป ตรงข้ามกับ อาร์เซนอล พวกเขาเล่นแย่ไหมในเกมนี้ ในฐานะแฟนบอลทีมปืนใหญ่คนหนึ่ง วันนี้พวกเขาสมควรเจอตำหนิในหลายเรื่อง แต่สิ่งสำคัญคือ พวกเขาก็มีโอกาสสำคัญสุด ๆ ในเกมนี้จากสองตัวสำรอง กับการโหม่งของ เอนเคเธีย ระยะเผาขนชนเสาออกมา หรือว่าในวินาทีสุดท้ายชองเกมที่ โอบาเมยอง ปล่อยบอลออกจากเท้าหลุดเสาออกไปแบบน่าผิดหวัง นี่คือเหตุสำคัญที่ว่าทำไม พวกเขาต้องมือเปล่า

ธันวาคม 2021 เดือนสุดท้ายของปีทั้งสองทีม ยังคงมีเกมการแข่งขันอีกหลายเกมตลอดเดือนนี้ ที่จะสามารถพลิกชะตาชีวิตของทีมให้ไปถึงเป้าหมายให้จงได้