แอสตัน วิลล่า กับการลงทุนอันต่อเนื่อง

     มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ เข้ามาสู่ วิลล่า พาร์ค ต่อจาก โทนี่ เซีย นักธุรกิจชาวจีน ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน และไม่สามารถบริหารต่อไปได้ ในปี 2018 ภายใต้ชื่อบริษัท เอนเอสดับบลิวอี (NSWE) และร่วมทุนกับ เวส อีเดนส์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน โดย ซาวิริส นับเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของสโมสร ด้วยการถือหุ้นจำนวน 55 % ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในปี 2018

     ซาวิริส วัย 57 ปี ไม่ใช่แค่มหาเศรษฐีเพียงอย่างเดียว แต่เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ โดยเป็นประธานของ NNS Group บริษัทลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาว และหนึ่งในการลงทุนของพวกเขา นั่นก็คือ อาดิดาส โดยนาสเซฟ นั้นเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของ อาดิดาส มาตั้งแต่ปี 2016 นอกจากนี้ยังเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง บรุนส์ สปอร์ต แคปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับด้านการลงทุนด้านสื่อ, กีฬา, การตลาด และแบรนด์ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ

     เอเดนส์ เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับด้านการลงทุนเช่นเดียวกัน เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า ฟอร์เทรสต์ อินเวสเมนต์ กรุ๊ป มาตั้งแต่ในปี 1998 และเวลานี้บริษัทของเขา มีมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ในเรื่องของด้านกีฬา เขาเป็นเจ้าของร่วมทีมบาสเกตบอล มิลวอล์คกี้ บั๊คส์ มาตั้งแต่ปี 2014 รวมถึงมีการพัฒนาด้วยการสร้างสนามแข่งใหม่ซึ่งเปิดใช้งานในปี 2018 และทั้งสองคนมาร่วมกันในทีม แอสตัน วิลล่า

     พวกเขาเข้ามาในช่วงที่ทีมตกชั้นไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุด และเป้าหมายแรกของพวกเขาคือการสร้างทีมเพื่อสร้าง “ศรัทธา” ของทีมกลับคืนมา พวกเขาลงทุนไปประมาณ 11 ล้านปอนด์ ในปีแห่งการต่อสู้เพื่อเลื่อนชั้น และพวกเขาก็ทำสำเร็จ กับการจบด้วยอันดับ 5 และตามด้วยการการคว้าแชมป์ เพลย์-ออฟ และเลื่อนชั้นในที่สุด ขณะที่ปีแรกแห่งการเลื่อนชั้น พวกเขาลงทุน 120 ล้านปอนด์ กับการซื้อนักเตะที่ช่วยให้พวกเขารอดตกชั้นหวุดหวิด ก่อนที่ปีต่อมาจะจบด้วยอันดับ 11 อย่างที่กล่าวไป

     การซื้อ บูเอนเดีย ของ แอสตัน วิลล่า จึงเป็นสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่า แอสตัน วิลล่า ภายใต้การทำงานของ เจ้าของสโมสรใหม่ ยังคงยึดมั่นในการทำทีมเช่นเดิม แม้ว่าจะยังคงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงอย่างหนักเป็นปีที่สามติดต่อกันก็ตาม

     สถานการณ์ของ แอสตัน วิลล่า ในแง่ของการขายผู้เล่น เป็นอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะนับจากฤดูกาล 2018-2019 เป็นต้นมา พวกเขามีการปล่อยตัวนักเตะมากกว่า 30 คน แต่แทบจะไม่ได้เงินค่าตัวกลับมาเลย สวนทางกับการลงทุนที่ยังคงมีที่ท่าว่าจะเพิ่มขึ้นในทุกปี และแน่นอนว่า ความต้องการ และความคาดหวังที่มากขึ้นตาม ต้องมารอติดตามกันต่อไปเช่นกัน ว่าฤดูกาลใหม่นี้ ลูกทีมของ ดีน สมิธ จะสร้างผลงานได้ดีกว่าเดิมหรือไม่!!